รีเซต

ผลการค้นหา “Work From Heart” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
Work From Heart รักป่วนก๊วนออฟฟิศ (ตอนจบ)
อ่าน

Work From Heart รักป่วนก๊วนออฟฟิศ (ตอนจบ)

เรื่องย่อซีรีส์ Work From Heart รักป่วนก๊วนออฟฟิศ ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางYouTube DV8 Thailand เริ่มตอนแรก พฤหัสบดีที่25 ส.ค. นี้ ซีรีส์ของคนออฟฟิศ ตีแผ่สถานการณ์สุดเรียลของเหล่ามนุษย์เงินเดือนแบบแซบครบรสถึงใจ เรื่องราววิกฤติของออฟฟิศสุดป่วนที่ชื่อดีฟ่า ที่ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันกอบกู้ก่อนจะปังพินาศ โดยมีหน้าที่การงานเป็นเดิมพัน งานนี้ยังเป็นการปะทะกันของแทค ภรัณยูกับหยาดพิรุณมวยถูกคู่ที่ต้องมาลุ้นกันว่าจะเป็นแค่คู่กัดหรือคู่กันแถมยังต้องขยี้ตาแรง กับบทบาทสุดท้าทายผู้ชาย 2 บุคคลิกของนักร้องนักดนตรีหนุ่มจั๊ก ซีซั่นไฟว์คู่ใจCEOปาร์ตี้ยังมีคู่รุ่นเล็กโฟล์ค จักริน เกมเพลย์และแม็กซ์ อชิระ หญิง อาณดา ที่ควงกันมาสร้างความฟินจิ้นเบอร์แรง

BOSS RIIZE - Chat Hearts2Hearts  เรียลลิตี้โชว์แรก จาก 2 วงน้องใหม่ค่าย SM
อ่าน

BOSS RIIZE - Chat Hearts2Hearts เรียลลิตี้โชว์แรก จาก 2 วงน้องใหม่ค่าย SM

เหล่าแฟน ๆ เคป็อป คงไม่มีใครไม่รู้จักค่าย SM Entertainment หนึ่งในค่าย Big 3 ของวงการเคป็อป และล่าสุดทาง SM ได้เปิดตัวเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ในรอบ 5 ปี ในชื่อ Hearts2Hearts และเดบิวต์ด้วยเพลง TheChase ซึ่งตอนนี้ยอดวิวก็แตะ 21 ล้านวิวแล้ว พวกเธอได้ออกเรียลลิตี้โชว์เป็นครั้งแรก ที่จะพาทุกคนไปรู้จักความน่ารักสดใส และตัวตนของพวกเธอมากขึ้นในชื่อรายการ Chat Hearts2HeartsChat Hearts2Hearts เป็นเรียลลิตี้-วาไรตี้โชว์ของ 8 สาว Hearts2Hearts (H2H) ประกอบด้วย คาร์เมน (คนอินโดนีเซียคนแรกที่ได้เป็นศิลปินค่าย SM), จีอู (ลีดเดอร์), ยูฮา (เมนโวคอล), สเตลล่า (ชาวเกาหลีแคนาดา), จูอึน (เมนแดนซ์), เอนา (วิชวลของวง), อีอัน (เซ็นเตอร์) และเยออน (มักเน่) พวกเธอจะพาแฟน ๆ ไปชมชีวิตจริงหลังกล้องผ่านกิจกรรมสนุก ๆ และบทสัมภาษณ์ที่ใกล้ชิด ให้แฟน ๆ ของพวกเธอได้เห็นถึงตัวตน และเคมีที่ลงตัวของวงนี้นอกจากรายการของฝั่งเกิร์ลกรุ๊ปแล้ว ก็ยังมีฝั่งบอยกรุ๊ปด้วย ซึ่งก็คือวง RIIZE ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นวงบอยกรุ๊ปเจน 4 ที่มาแรงมาก ๆ มีเพลงฮิตติดชาร์ตหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น Get a Guitar หรือ Love119 ซึ่งเป็นกระแสเต้นตามกันทั้งโซเชียล หนุ่ม ๆ ทั้ง 6 คนจะเดินทางไปเมืองคังนึง และยางยาง ในจังหวัดคังวอน พร้อมทำภารกิจแข่งกันตลอด 2 วัน 1 คืน ในรายการ Boss RIIZE ซึ่งออกอากาศเมื่อปี 2024 และตอนนี้มีเวอร์ชั่นพากาษ์ไทยออกมาแล้วด้วย เหมาะสำหรับแฟน ๆ ที่ชอบดูพากษ์ไทยมากกว่าอ่านซับ BOSS RIIZE เป็นเรียลลิตี้-วาไรตี้โชว์ของ 6 หนุ่มวง RIIZE ประกอบด้วย โชทาโร่ (ลีดเดอร์), ซองชาน, วอนบิน, โซฮี และแอนตัน พวกเขาต้องทำภารกิจต่าง ๆ เพื่อสะสมคะแนนโหวต และโหวตเลือกบอสของทริป ซึ่งบอสที่ได้รับเลือกจะเป็นผู้กำหนดกฎและทิศทางของทริป ตลอดทั้งรายการ เราจะได้เห็นสมาชิกทั้ง 6 ในหลากหลายมุม ทั้งการแข่งขัน การพักผ่อนพูดคุย และโมเมนต์ฮา ๆทั้งสองรายการนี้สามารถรับชมได้ที่เดียว ที่ทรูวิชั่นส์นาว และถ้าคุณเป็นติ่งเกาหลีตัวจริง แบบติ่งวงการเคป็อป การสมัครทรูวิชั่นส์นาวคือคุ้มมาก เพราะนอกจากจะมีรายการของค่าย SM ที่สามาถชมได้ที่ทรูวิชั่นส์นาวที่เดียวเท่านั้น ก็ยังมีรายการเรียลลิตี้ของวงเคป็อปดัง ๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น NANAbnb และ NANATour ของวงเซเว่นทีน, TODOxTXT ของวง TxT, Camp ZeroBaseOne ของวง ZeroBaseOne และวงอื่น ๆ อีกเพียบ นอกจากรายการเรียลลิตี้ของแต่ละวง ก็ยังมีรายการเพลงยอดฮิตอย่าง Inkigayo หรือ Weekly Idol ที่ศิลปินไอดอลไปออกกันหมดแทบจะทั้งวงการแล้ว และยังมีคอนเสิร์ตที่ออกฉายตามโรงภาพยนตร์มาให้ชมด้วย เช่น Ive The 1st World Tour in Cinema ที่มีเฉพาะบนทรูวิชั่นส์นาวเท่านั้น ใครที่เป็นติ่งเคป็อป รับรองว่าเกินคุ้ม สำหรับการสมัครสมาชิกเพื่อชมรายการบน ทรูวิชั่นส์นาว ดูได้ทั้งวัน ทั้งสัปดาห์ไม่มีเบื่อ สามารถเลือกแพ็จเกจที่ตอบโจทย์คุณได้เลย เริ่มต้นเพียง 119 บาททรูวิชั่นส์นาว แม็กซ์: แพ็กเดียวจบ กีฬาสดมากที่สุดในไทย พร้อมความบันเทิงสุดพรีเมียม ดูฟรีแอปดัง iqiyi viu และ wetv เพียงเดือนละ 2,155 บาท สมัครเลยที่แอปทรูวิชั่นส์นาวทรูวิชั่นส์นาว ไพร์ม: กีฬาอินเตอร์ ฮอลลีวูดจัดเต็ม! ดูฟรีแอปดัง iqiyi และ wetv เพียงเดือนละ 449 บาท สมัครเลยที่แอปทรูวิชั่นส์นาวทรูวิชั่นส์นาว พลัส: ซีรีส์สุดฟิน กีฬาสุดมัน! สายซีรีส์ห้ามพลาด เชียร์สด F1และฟุตบอลยูโรป ดูฟรีแอปดัง iqiyi เพียงเดือนละ 249 บาท สมัครเลยที่แอปทรูวิชั่นส์นาวทรูวิชั่นส์นาว ป๊อป: ดูไทยให้สุด สนุกทุกแมตช์! หนังดี ละครดัง วาไรตี้สุดฮิต กีฬาเดือด จัดเต็มเพื่อคนไทย เพียงเดือนละ 119 บาท สมัครเลยที่แอปทรูวิชั่นส์นาวรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.truevisions.co.th/

TRUE จัดเต็มแพ็กเกจ Work and Learn from Home เยียวยาโควิดรอบ 2
อ่าน

TRUE จัดเต็มแพ็กเกจ Work and Learn from Home เยียวยาโควิดรอบ 2

ทันหุ้น - นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการพาณิชย์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE กล่าวว่า "กลุ่มทรู ห่วงใยและเข้าใจพี่น้องชาวไทยที่ต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดระลอกใหม่ พร้อมร่วมมือกับ กสทช. ในการบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชนและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการสื่อสาร เพื่อให้สามารถทำงานและเรียนออนไลน์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดย ทรูมูฟ เอช มอบสิทธิ์ให้ลูกค้าทั้งระบบเติมเงินและรายเดือนประเภทบุคคลธรรมดา ใช้แพ็กเกจเสริม Unlimited Video Conference สำหรับ Work and Learn from Home ผ่าน 6 แอป ยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็น True VROOM, Office365, Cisco WebEx, Zoom, Voov และ Google Meet แบบไม่จำกัดปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ต ในราคาเพียง 79 บาท ต่อเดือน ใช้งานได้ 30 วัน สามารถรับสิทธิ์ได้ง่ายๆ เพียงกด *900*1880# แล้วกดโทรออก ได้ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 14 มีนาคม 2564 ด้านลูกค้าทรูออนไลน์ จะทยอยอัปสปีดเน็ตบ้านของลูกค้าปัจจุบันประเภทบุคคลธรรมดาทั้งหมดแบบอัตโนมัติ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกสทช. ที่ให้ผู้ประกอบการปรับเพิ่มความเร็วการใช้งานเน็ตบ้านขึ้น ไม่ต่ำกว่า 100 Mbps สำหรับลูกค้าโครงข่ายไฟเบอร์ และเพิ่มความเร็วให้เต็มขีดความสามารถของอุปกรณ์ ในกรณีที่ลูกค้าใช้โครงข่ายอื่น เช่น xDSL เป็นต้น ซึ่งตอกย้ำความตั้งใจของกลุ่มทรู ที่ต้องการร่วมยืนหยัดเคียงคู่คนไทย ให้ชนะโควิด-19 ไปด้วยกัน" สำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น ทรูมูฟ เอช มีแพ็กเกจเสริมพิเศษยิ่งขึ้นดังนี้

โรงพยาบาลวิมุต เปิดศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ภายใต้คอนเซปต์ Heart to Heart หัวใจที่ดูแลด้วยหัวใจ
อ่าน

โรงพยาบาลวิมุต เปิดศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ภายใต้คอนเซปต์ Heart to Heart หัวใจที่ดูแลด้วยหัวใจ

โรงพยาบาลวิมุต เปิดศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ( 26 สิงหาคม 2568) ภายใต้คอนเซปต์ "Heart to Heart หัวใจที่ดูแลด้วยหัวใจ" เร่งรับมือวิกฤตโรคร้ายที่ “เดอะแบกของครอบครัว” หรือคนช่วงวัย 30-40 ปี ต้องเผชิญกันมากขึ้น พร้อมเผยกลุ่ม Gen Y เสี่ยงโรคหัวใจมากขึ้นอย่างน่ากังวล อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของคนรุ่นใหม่ โดยความเสี่ยงต่อโรคหัวใจในคนอายุน้อยนับเป็นความท้าทายเชิงโครงสร้างที่กระทบต่อศักยภาพแรงงานและประสิทธิภาพการทำงานของประเทศ การเปิดศูนย์ความเป็นเลิศ (Center of Excellence) แห่งใหม่ สะท้อนการเดินหน้าแก้ปัญหาอันท้าทายของระบบสุขภาพไทยของ รพ. วิมุต ด้วยการสร้างระบบนิเวศที่รองรับ “การรักษาเชิงลึก” และ “การป้องกันก่อนป่วย” อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) รวมถึงกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งพบได้มากขึ้นในกลุ่มคนที่อายุน้อยลงเรื่อย ๆ นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาล และอายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ โรงพยาบาลวิมุต เผยว่า "ผู้ป่วยโรคหัวใจในวัยทำงาน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y นับเป็นความท้าทายใหม่ไม่ใช่เฉพาะในวงการแพทย์เท่านั้น แต่เป็นวาระสำคัญของสังคมที่ทุกฝ่ายต้องหันมาดูแล คนวัยทำงาน ซึ่งเป็นกำลังหลักของประเทศ กำลังเผชิญความเครียดสะสม และมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพหัวใจ เราพัฒนาศูนย์หัวใจและหลอดเลือด มาให้ตอบโจทย์ความท้าทายนี้ภายใต้คอนเซปต์ 'Heart to Heart หัวใจที่ดูแลด้วยหัวใจ' ด้วยทีมอายุรแพทย์โรคหัวใจและสหสาขาวิชาชีพที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด พร้อมเทคโนโลยีการแพทย์และห้องปฏิบัติการมาตรฐานสากล เพื่อให้การวินิจฉัยแม่นยำ การรักษาที่รวดเร็ว พร้อมมอบการดูแลเชิงป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เป้าหมายของเราคือไม่เพียงช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัว แต่ให้พวกเขากลับไปมีสุขภาพดีในระยะยาว" โรคหัวใจที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตสูงในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะช่วงอายุ 30–40 ปี ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease – CAD) อันเกิดจากการสะสมของคราบไขมันหรือพลัคในผนังหลอดเลือดหัวใจ ทำให้หลอดเลือดตีบแคบและเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ อาการที่พบบ่อยคือเจ็บแน่นหน้าอกโดยเฉพาะเวลาออกแรง เหนื่อยง่าย และหายใจสั้น ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันได้ อีกหนึ่งภาวะที่พบในวัยทำงานคือ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) เกิดจากความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วไป ช้าไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ โดยสาเหตุอาจมาจากความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมาก ภาวะไทรอยด์ผิดปกติ และการพักผ่อนไม่เพียงพอ อาการที่ควรสังเกต ได้แก่ ใจสั่น เวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย หน้ามืด หรือหมดสติในบางราย ส่วนโรคหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงหรือแข็งเกินไป ทำให้การบีบและคลายตัวของหัวใจไม่เต็มประสิทธิภาพ สาเหตุอาจมาจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคกล้ามเนื้อหัวใจ หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง ซึ่งอาการที่สังเกตได้ เช่น เหนื่อยง่ายโดยเฉพาะเมื่อนอนราบ ขาบวม น้ำหนักขึ้นเร็วจากการคั่งของน้ำ และหายใจลำบากรพ. วิมุต นำเสนอแนวทางการดูแลสุขภาพ "4 ลด – 4 เลิก" สำหรับ Gen Y และทุกเจนที่ต้องการดูแลหัวใจให้แข็งแรง4 ลด — ลดปัจจัยเสี่ยงสะสมลดอาหารไขมันสูงและหวานจัด เมนูโปรดของ Gen Y อย่างชานมไข่มุกหรือหมูกระทะ เพิ่มปริมาณไขมันและน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงควรจำกัดความถี่ เช่น จากเดิมที่กินทุกสัปดาห์ให้เหลือเดือนละครั้ง และพยายามกินเมนูต้มหรือนึ่งแทนของทอดเพื่อลดความเสี่ยงลดโซเดียม อาหารสำเร็จรูปคือทางลัดสุดสะดวกของคนรุ่นใหม่ แต่ก็มักซ่อนโซเดียมในปริมาณสูง ดังนั้นควรอ่านฉลากก่อนซื้อ เลือกเมนูที่ปรุงน้อย และหลีกเลี่ยงการใส่เครื่องปรุงเพิ่ม ก็จะช่วยลดภาระการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมากลดน้ำหนักและรอบเอว ภาวะอ้วนลงพุงเป็นปัจจัยเสี่ยงโดยตรงต่อเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง การปรับพฤติกรรมให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวมากขึ้น เช่น เดินวันละ 8,000–10,000 ก้าว ขึ้นบันไดแทนลิฟต์ จะช่วยเผาผลาญพลังงานและลดรอบเอวได้ลดความเครียดเรื้อรัง ความเครียดจากงานและการกังวลกับภาระต่าง ๆ ในชีวิต ทำให้หัวใจทำงานหนัก เสี่ยงความดันโลหิตสูง และทำให้คุณภาพการนอนลดลง ทุกคนควรหาเวลาส่วนตัวให้ตนเองอย่างน้อยวันละ 15–30 นาทีเพื่อทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ หรือจดบันทึก จะช่วยให้หัวใจได้พักฟื้น4 เลิก — เลิกพฤติกรรมทำร้ายหัวใจเลิกสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีสารที่ทำลายหลอดเลือดและหัวใจ และเพิ่มโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองในวัยทำงาน การเลิกสูบไม่เพียงช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น แต่ยังทำให้ปอดฟื้นตัวและเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายเลิกนอนดึก–นอนน้อย การนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืนทำให้ร่างกายไม่มีเวลาซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งทำให้ระบบฮอร์โมนแปรปรวน และเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจวาย โดยการตั้งเวลาเตือนปิดหน้าจอ 30 นาทีก่อนเข้านอน และจัดกิจวัตรก่อนนอนที่สม่ำเสมอ จะช่วยให้หลับดีขึ้นและตื่นมาสดชื่นเลิกใช้ชีวิตแบบไม่ออกกำลังกาย การนั่งติดโต๊ะทำงานทั้งวันหรือใช้เวลาว่างไปกับหน้าจอโดยไม่ขยับตัว ทำให้การไหลเวียนเลือดลดลงและหัวใจไม่แข็งแรง การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องหนักหรือใช้เวลานาน เพียงเลือกกิจกรรมที่สนุกและเหมาะกับตนเอง เช่น เต้นตามคลิป ปั่นจักรยาน หรือเดินเล่นหลังเลิกงาน เพียงทำให้ได้รวม 150 นาทีต่อสัปดาห์ก็เพียงพอในการเสริมความแข็งแรงของหัวใจเลิกละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี ความเสี่ยงต่อโรคร้ายของ Gen Y คือการคิดว่าตัวเองยังแข็งแรงและไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ แต่โรคหัวใจใน Gen Y มักไม่มีสัญญาณเตือนชัดเจน การตรวจคัดกรองไขมัน ความดัน และสุขภาพหัวใจปีละครั้ง จะช่วยให้เจอความผิดปกติตั้งแต่เนิ่น ๆ และรับการรักษาทันท่วงที

เพราะอะไร Work from home จึงทำคน “เจ็บคอ” เพิ่มขึ้น?
อ่าน

เพราะอะไร Work from home จึงทำคน “เจ็บคอ” เพิ่มขึ้น?

ในปัจจุบันที่หลาย ๆ คนอาจจะเคยต้องเรียน หรือทำงานผ่านการวิดีโอคอลทางไกลอยู่บ่อยครั้ง เมื่อจบการเรียนหรือประชุมวิดีโอคอลแต่ละครั้ง เคยสังเกตไหมว่าคุณเกิดอาการเหล่านี้บ้างหรือไม่? เจ็บคอ? คอแห้ง? หรือแม้กระทั่งอาการระคายคอเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งถ้าต้องเผชิญบ่อย ๆ ก็อาจจะทำให้กลายเป็นปัญญาสุขภาพคอแบบเรื้อรังได้ แต่สาเหตุของมันเกี่ยวข้องกับการ Work From home หรือไม่นะ?ทีมนักวิจัยจาก Trinity College Dublin ก็สงสัยในเรื่องนี้เช่นกัน จึงได้ทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างกว่า 1,575 คนในช่วงก่อนและหลังการล็อกดาวน์ พบว่า 85% จากทั้งหมดเริ่มเกิดปัญหาเกี่ยวกับคอในช่วงเริ่มต้นล็อกดาวน์ระยะแรก ๆ โดยรวมถึงอาการเสียงแหบและระคายคอ ซึ่งทีมวิจัยกล่าวว่าอาจเป็นเพราะการใช้เสียงมากเกินไปในช่วงที่ต้องโทรศัพท์และประชุมงานทางไกล จากการที่ต้อง ‘เพิ่มระดับเสียงตัวเอง’ ให้คนอื่นได้ยิน และยังกล่าวอีกว่าการที่ทั่วโลกต่างก็ต้องอาศัยการทำงานแบบ Work from home นั้นยังส่งผลกระทบต่อปัญหาเกี่ยวการใช้เสียงและช่องคอเนื่องจากการทำงานที่บ้านทำให้พนักงานต้องพูดและใช้เสียงมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับการทำงานในช่วงปกติข้อมูลสถิติจาก 1,575 คน พบว่ากว่า 516 คนรายงานว่าประสบปัญหาเกี่ยวกับคอ และในกลุ่มตัวอย่างจำนวนดังกล่าว กว่า 86% กล่าวว่าพวกเขาไม่มีปัญหาเกี่ยวกับคอมาก่อนจนกระทั่งต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำงานในช่วงล็อกดาวน์ โดยพบอาการเกี่ยวกับคอระดับไม่ร้ายแรง (Mild problems) อยู่ที่ 72% และพบอาการระดับปานกลาง (moderate problems) อยู่ที่ 22% อย่างไรก็ตามงานวิจัยนี้มีการสำรวจไปถึงกลุ่มคนที่ใช้งานอุปกรณ์เสริมในการประชุมทางไกล เช่น อุปกรณ์แฮนด์ฟรี ไมค์โครโฟนเสริม หรือชุดอุปกรณ์เฮดเซ็ต เช่นกัน แต่การศึกษาถึงผลกระทบของอุปกรณ์เหล่านี้จะถูกนำไปรายงานแยกในอีกงานวิจัยอื่นภายหลังสำหรับแนวทางแก้ไข หัวหน้าทีมวิจัย Ciarán Kenny ได้แนะนำว่าบรรดาบริษัททั้งหลายควรพิจารณาให้ความรู้เรื่องการรักษาเสียง หรือการฝึกหัดอบรมเรื่องการใช้เสียง (voice training) สำหรับผู้ที่ต้องใช้งานอุปกรณ์การสื่อสารทางไกล เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะเริ่มจากการสร้างความตระหนักเรื่องการใช้เสียงที่ไม่ถูกต้อง (maladaptive speaking patterns) ก่อนที่จะปรับพฤติกรรมการใช้เสียง เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เสียงและรักษาสุขภาพเสียงและคอได้ดีกว่าเดิมขอบคุณข้อมูลจากDailymailUKเกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNThailand.comfacebook : TNNThailandfacebook live : TNN Livetwitter : @TNNThailandLine : @TNNONLINEYoutube Official : TNNThailandInstagram : @tnn_onlineTIKTOK : @tnnonline

ศบค.ขอ Work From Home 100% เดินทางเข้าไทยกักตัว 14 วันทุกกรณี
อ่าน

ศบค.ขอ Work From Home 100% เดินทางเข้าไทยกักตัว 14 วันทุกกรณี

วันนี้ (29 เม.ย.64) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 6/2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.เป็นประธานนพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบปรับระยะเวลาการกักตัวผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นเวลา 14 วัน จากเดิมที่เคยลดไปเหลือ 10 วันสำหรับคนทั่วไป และ 7 วันสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว และไม่ให้ผู้ที่กักตัวออกจากห้องพัก เว้นแต่เพื่อทำการตรวจหาเชื้อ สำหรับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. และจะเดินทางถึงราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค.ต้องตรวจหาเชื้อถึง 3 ครั้งนอกจากนี้นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ส่วนราชการหน่วยงานของรัฐ เจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการภาคเอกชนพิจารณาดำเนินการ Work From Home มาตรการขั้นสูงสุดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อลดการรวมกลุ่มของบุคคล อันจะเป็นหนทางหนึ่งที่จะลดการแพร่เชื้อได้อย่างเป็นรูปธรรมอย่างไรก็ตาม นพ.ทวีศิลป์ ระบุด้วยว่า มาตรการต่างๆ ที่พยายามทำกันขึ้นมาโดยหลักการไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้เกิดความลำบากในชีวิตของท่าน แต่อย่างน้อยต้องขอให้ลดการเดินทาง ลดการพบปะ และให้ทำงานที่บ้านกันให้มาก เพราะการติดต่อเกิดจากคนต่อคนเพราะฉะนั้นหากรถการติดต่อก็จะลดการระบาดจึงขอแรงพี่น้องประชาชนทุกท่านทำความเข้าใจให้ปฏิบัติและทำตามเรื่องที่เราได้ช่วยกันคิดช่วยกันทำขึ้นมา 14 วันนี้หากตัวเลขลดลงการผ่อนคลายก็จะเกิดขึ้น

ระวัง! “นิ้วล็อค” จากการ "Work Form Home" จนต้องผ่าตัด!
อ่าน

ระวัง! “นิ้วล็อค” จากการ "Work Form Home" จนต้องผ่าตัด!

เคยรู้สึกว่า นิ้วล็อค จากการใช้มือกันไหม ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์งานบนคอมพิวเตอร์ การใช้โทรศัพท์ หรือการหยิบของแล้วรู้สึกเจ็บที่โคนนิ้ว โดยเฉพาะนิ้วที่เรามักเป็นมากที่สุดก็คือ นิ้วโป้ง ถ้าเริ่มมีอาการปวดแล้วอย่างได้วางใจไป เพราะอาจนำไปสู่การผ่าตัดใหญ่ที่เราคาดไม่ถึงได้ หากไม่รู้ทันและดูแลตัวเองให้ดีเสียก่อน ในช่วงที่ทุกคนต้องเรียนออนไลน์ หรือเวิร์กฟอร์มโฮม (Work Form Home WFH) อาจทำให้หลายคนต้องใช้งานมือในการพิมพ์มากขึ้นกว่าเดิม จนเกิดอาการปวดมือ ซึ่งการปวดมือ ปวดตามข้อนิ้วเหล่านี้ นำมาสู่ โรคนิ้วล็อค ซึ่ง TrueID จะพาไปรู้จักโรคนี้กันว่าเป็นโรคใกล้ตัวมากที่มองข้ามไม่ได้เลย โรคนิ้วล็อค คืออะไร โรคนิ้วล็อค หรือ Trigger finger เป็นภาวการณ์อักเสบบริเวณปลอกหุ้มเส้นเอ็น ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อย เนื่องจากมือเป็นอวัยวะสำคัญที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ในการทำงาน ยกหรือหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บบริเวณโคนนิ้ว รู้สึกสะดุด หรือล็อคขณะงอเหยียดนิ้ว ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนเป็นอาการของโรคนิ้วล็อคทั้งสิ้น ทำไมถึงเป็นโรคนิ้วล็อค โรคนิ้วล็อคเกิดจากการอักเสบบริเวณปลอกหุ้มเส้นเอ็น ซึ่งมักจะสัมพันธ์กับการใช้งานหนัก โดยเฉพาะการเหยียดและงอข้อนิ้วซ้ำ ๆ หรือการกำสิ่งของแน่น ๆ เป็นเวลานาน โดยโรคนี้มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย พบมากที่สุดในผู้หญิงวัยกลางคน และมีโอกาสเป็นได้มากขึ้นในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน หรือโรคไต กลุ่มเสี่ยงเป็นโรคนิ้วล็อค 1.ผู้สูงอายุ ซึ่งจะเกิดจากความเสื่อมของเส้นเอ็นและมีการใช้งานที่สะสมมานาน 2.ผู้หญิง จะเป็นนิ้วล็อคมากกว่าผู้ชาย 3.ผู้ที่มีประวัติมีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน 4.กลุ่มคนที่ใช้นิ้วมือทำงานอย่างหนัก อาการโรคนิ้วล็อค อาการและอาการแสดงของโรคนิ้วล็อคมีหลายระดับ สามารถแบ่งตามความรุนแรงได้ดังนี้ 1.มีอาการเจ็บบริเวณโคนนิ้ว และอาจรู้สึกติดแข็งในตอนเช้า 2.รู้สึกสะดุด หรือมีเสียงเวลาขยับข้อนิ้ว และอาจคลำได้ก้อนบริเวณโคนนิ้ว 3.นิ้วล็อคติดในท่างอ แต่ยังสามารถจับเหยียดนิ้วออกมาได้ 4.นิ้วล็อคติดในท่างอ โดยที่ไม่สามารจับเหยียดออกมาได้ พฤติกรรมเสี่ยงเป็นโรคนิ้วล็อค 1.การใช้นิ้วมือในท่าเดิมๆ เป็นเวลานานๆ เช่น กดแป้นพิมพ์ เล่นเกมส์ เป็นต้น 2.การหิ้วของหนักเกินไป เช่น หิ้วตะกร้า ถุงพลาสติก หรือ ถังน้ำ 3.บิดผ้าหรือซักผ้าด้วยมือเปล่าจำนวนมากๆ 4.ทำงานที่ต้องใช้มือกำ บีบ จับ หรือยกของหนักประจำ เป็นเวลานานๆ 5.การเล่นกีฬาประเภท ตีกอล์ฟ การตีเทนนิส ซึ่งทำให้มีโอกาสเกิดนิ้วล็อคมากกว่ากีฬาประเภทอื่น การวินิจฉัยโรคนิ้วล็อค โรคนิ้วล็อคสามารถวินิจฉัยได้โดยใช้การซักประวัติ และการตรวจร่างกาย โดยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ หรือแพทย์ทั่วไปที่มีความชำนาญ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการตรวจเอกซเรย์ หรือส่งตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมหากแพทย์ไม่ได้สงสัยภาวะอื่น ๆ การรักษาโรคนิ้วล็อค การรักษาโรคนิ้วล็อคมีทั้งการรักษาแบบไม่ผ่าตัดและการรักษาโดยการผ่าตัด โดยขึ้นกับความรุนแรงของอาการที่เป็น การรักษาแบบไม่ผ่าตัด ในรายที่พึ่งเริ่มมีอาการมาไม่นาน หรืออาการไม่รุนแรง แพทย์มักจะแนะนำให้ใช้การรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัดก่อน โดยมีข้อแนะนำดังนี้ ให้พักใช้งานมือข้างที่มีอาการ และหลีกเลี่ยงการกำและเหยียดนิ้วมือซ้ำ ๆ อย่างน้อยสองสัปดาห์ แนะนำให้แช่น้ำอุ่นและนวดบริเวณโคนนิ้ว โดยเฉพาะในตอนเช้าอย่างน้อย 5-10 นาทีต่อวัน การใส่อุปกรณ์ดามนิ้ว (Finger splint) ให้นิ้วอยู่ในท่าเหยียดตรง โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดในตอนเช้าได้ หากผู้ป่วยไม่สามารถเหยียดนิ้วได้สุด ควรจะทำการบริหารเหยียดนิ้วดังกล่าวบ่อย ๆ เพื่อป้องกันภาวะข้อติดในท่างอ การรับประทานยาแก้ปวด หรือยาลดการอักเสบที่ไม่มีสเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อลดการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นเอ็น อย่างไรก็ตามยาในกลุ่มนี้มีผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์และได้รับคำแนะนำก่อนใช้ยา ผู้ป่วยที่มีอาการเป็นมานาน หรือการรักษาโดยวิธีต่าง ๆ ข้างต้นไม่ได้ผล แพทย์อาจจะพิจารณาการรักษาโดยฉีดยาสเตียรอยด์ (steroid injection) เข้าบริเวณปลอกหุ้มเอ็นบริเวณโคนนิ้ว เพื่อลดการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นเอ็น ซึ่งการฉีดยาควรทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น โดยทั่วไปการฉีดยาจะให้ผลการรักษาดี แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยยังมีความจำเป็นต้องใช้งานมือข้างที่มีอาการอยู่ ก็มีโอกาสที่จะกลับมามีอาการกำเริบซ้ำขึ้นอีกได้ โดยอาจจะมีอาการกลับมาหลังฉีดยาประมาณ 3-6 เดือน และหากมีอาการกลับมาอีกครั้ง แพทย์อาจจะพิจารณาฉีดยาซ้ำได้อีก แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ควรที่จะฉีดยามากกว่า 2 ครั้งในนิ้วเดียวกัน การรักษาโดยการผ่าตัด ในรายที่อาการเป็นรุนแรง หรือกลับมามีอาการกำเริบหลายหลังจากการได้รับการรักษาโดยวิธีต่าง ๆ โดยวิธีการข้างต้น แพทย์จะพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อเปิดปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่มีการอักเสบออก โดยการผ่าตัดโรคนิ้วล็อคมีอยู่สองวิธีคือ 1. การผ่าตัดโดยมีแผลเปิด (Open release) โดยทั่วไปสามารทำได้โดยการฉีดยาชาฉพาะที่ และเปิดแผลขนาดเล็กประมาณ 1cm และใช้มีดกรีดเปิดปลอกหุ้มเส้นเอ็นออก หลังผ่าตัดผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ โดยแพทย์จะนัดมาตัดไหมที่ประมาณ 10-14 วันหลังการผ่าตัด 2. การผ่าตัดกรีดเปิดปลอกหุ้มเส้นเอ็นโดยไม่มีแผลเปิด (Percutaneous release) วิธีนี้จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อป้องกันการบาดเจ็บต่อเส้นเอ็น เส้นเลือดและเส้นประสาทของนิ้ว การผ่าตัดทำได้โดยใช้เข็มหรือของมีคมเขี่ยปลอกหุ้มเส้นเอ็น วิธีนี้มีข้อดีคือ แผลจะมีขนาดเล็กกว่าประมาณ 2mm ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์มากขึ้น และมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บของเส้นเลือดหรือเส้นประสาทได้ ข้อควรปฏิบัติหลังการผ่าตัดโรคนิ้วล็อค โดยทั่วไปหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะสามารถกลับบ้านได้เลย โดยมีข้อควรปฏิบัติดังนี้ - ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำ หากแผลเปียกน้ำ ควรทำแผลทันที - ควรมาตรวจตามแพทย์นัดเพื่อตัดไหม ประมาณ 10-14 วันหลังการผ่าตัด - เมื่อแผลแห้งดีแล้ว ควรจะต้องทำการนวดแผลผ่าตัด เพื่อให้แผลเป็นนุ่ม และลดความเสี่ยงที่จะกลับมามีอาการซ้ำได้ - ควรปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากแผลมีภาวะผิดปกติ เช่น แผลซึม หรือมีเลือดออก ควรกลับมาพบแพทย์ทันที บทความโดย นพ.ปิยบุตร กิตติธรรมวงศ์ ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย , แพทยสภา -------------------- เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณคลิกเลย!!รู้ทันกันโควิด หรือกด*301*35# โทรออก ข่าวที่เกี่ยวข้อง เปิดจุดเสี่ยงติดโควิดในที่ทำงานหายป่วยโควิดแล้ว กลับมาทำงานได้ไหม ตาแดง ตาล้า ปวดตา ได้เวลาดูแลดวงตา เมื่อต้อง Work from Home ยุคโควิด-19 ระบาดซ้ำ Hybrid Working คือมาตรฐานการทำงานแบบใหม่ ในยุค Next Normal หรือไม่? Work from home อีกครั้ง ลืมไปหรือยังว่าต้องทำยังไงให้ได้งาน ?

สบาย ๆ กับไอเดียรถตู้ Nissan ที่ออกแบบเพื่อการ Work from home!
อ่าน

สบาย ๆ กับไอเดียรถตู้ Nissan ที่ออกแบบเพื่อการ Work from home!

เบื่อสถานที่เดิม ๆ เวลา Work from home แล้วใช่ไหม? ล่าสุด Nissan เจ้าแห่งยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่นมีไอเดียรถตู้แบบใหม่ที่จะทำให้การทำงานทางไกลไม่น่าเบื่ออย่างที่เคยเป็นNissan ได้เปิดตัวคอนเซปต์ดีไซน์ของรถตู้ชื่อว่า NV350 บน YouTube ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเป็นการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ของการทำงานทางไกลที่แท้จริง เพราะออกแบบมาให้กลายเป็นมินิออฟฟิศเคลื่อนที่แบบย่อม ๆ เรียกได้ว่าบรรยากาศตรงไหนดี ก็ขับรถไปจอดทำงานชิว ๆ ที่นั่นได้เลยด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของ NV350 ที่ออกแบบมาให้กลายเป็นส่วนที่ทำงานเล็ก ๆ ที่สามารถยื่นออกมาจากท้ายรถตู้ได้ ซึ่งด้านในก็จะประกอบไปด้วยโต๊ะ เก้าอี้แบบ Herman Miller Cosm และพื้นแบบ polycarbonate ที่จะทำให้เรามองเห็นวิวพื้นด้านล่างได้อย่างชัดเจน และสุดท้ายก็คือไฟส่องสว่างรอบตัว ขับไปจอดรับลมเย็น ๆ พร้อมกับห้องทำงานแบบส่วนตัวได้เลยแต่ถ้าใครที่ไม่ใช่สายเดินทางก็สามารถใช้งานอยู่ภายในก็ได้เช่นกัน เพราะด้านในก็มีการตกแต่งที่รอบรับกับระบบไฟและความสว่างที่จะอำนวยความสะดวกให้คุณได้ทุกเมื่อ และยังเข้ากับแสงจากจอคอมพิวเตอร์ของคุณอีกด้วยที่สำคัญคอกาแฟน่าจะถูกใจสิ่งนี้ นั่นก็คือหากทำงานไปแล้วรู้สึกง่วง รถคันนี่ยังมีเครื่องทำกาแฟติดตั้งมาพร้อมบริการ หรือถ้าไม่ไหวจริง ๆ อยากจะของีบหลับสักหน่อย ก็สามารถขึ้นไปนอนรับลมเย็น ๆ ชั้นบนของรถตู้ที่มาพร้อมกับเก้าอี้เอนและร่มกันแดด ชิวกว่านี้ไม่มีอีกแล้วโดยรวมแล้วเรียกได้ว่าเป็นดีไซน์ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว และคงจะตอบโจทย์ใครหลายคนที่อยากจะเปลี่ยนวิวทำงานไปเรื่อย ๆ หรืออยากเที่ยวด้วยเอางานไปทำด้วย ต่อไปก็จะมีรถตู้ที่ออกแบบให้กลายเป็นห้องทำงานสุดเก๋ เผื่อจะช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่ผ่อนคลายมากขึ้นขอบคุณข้อมูลจากinterestingengineering.comเกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNThailand.comfacebook : TNNThailandfacebook live : TNN Livetwitter : @TNNThailandLine : @TNNONLINEYoutube Official : TNNThailandInstagram : @tnn_onlineTIKTOK : @tnnonline

VWORK ทำงานสุดฟินน์กับ แพ็กเกจรองรับ "Work from Home" จาก TrueMove
อ่าน

VWORK ทำงานสุดฟินน์กับ แพ็กเกจรองรับ "Work from Home" จาก TrueMove

ปกติส่วนมากหลายคนไม่ค่อยใส่ใจความเร็วของอินเตอร์เน็ตในบ้านสักเท่าไหร่ เพราะคิดว่า อยู่บ้านแค่ช่วงเลิกงาน ใช้อินเตอร์เน็ตที่ทำงานเป็นหลัก กลับมาบ้านเล่นนิดหน่อยเดี๋ยวก็หลับพักผ่อน บางคนจึงใช้ความเร็วแบบขอไปที ใช้จากแพ็กเกจพื้นฐานบนมือถือ หรือไม่ก็ใช้สัญญาณไวไฟของหอพัก อพาร์ทเม้นต์ เมื่อมาเจอกับสถานการณ์ปิดเมืองเนื่องด้วยภัยคุกคามจากปีศาจที่มองไม่เห็นตัว ชื่อโควิด-19 ต้องทำงานแบบ Work from Home ใช้อินเตอร์เน็ตทำงานอยู่บ้านเต็มอัตรา กลับกลายเป็นว่าสัญญาณไม่แรง ประชุมออนไลน์ทีผู้จัดการพูด “สวัสดี” ผ่านไปแล้ว 3 นาที เสียงนั้นเพิ่งมาถึงเรา หรือสัญญาณแรงมาก แต่อ้าว! หมดโปรฯ ซะแล้ว หากคุณกำลังเจอปัญหาเหล่านี้ หรือกำลังตัดสินใจเลือกโปรโมชั่นดี ๆ นี่เลยครับ แพ็กเกจรองรับ "Work from Home" จาก TrueMoveภาพโดย thedarknut จาก Pixabay  แพ็กเกจรองรับ "Work from Home" จาก TrueMove ที่นำมาบอกต่อนี้ เหมาะสำหรับพนักงาน และนักศึกษา เพราะแม้จะขึ้นชื่อว่าทำงานจากบ้าน แต่ภาวะระบาดใหญ่ของโควิด-19 ไม่ได้กระทบเฉพาะคนทำงาน นักเรียน นักศึกษาก็โดนไปด้วย ปัจจุบันต้องปรับตัวไม่ต่างกับพนักงานออฟฟิศ คือ เรียนที่บ้าน เปลี่ยนจาก Work from Home เป็น Learn from Home ฉะนั้นแพ็กเกจสุดเจ๋งนี้จึงมี 2 แบบภาพจาก TrueMove H แพ็กเกจรองรับ "Work from Home" จาก TrueMove สำหรับนักศึกษา ชื่อว่า ‘VLEARN’เป็นแพ็กเก็จที่เห็นแล้วน้อง ๆ นักศึกษาต้องลืมความหงุดหงิดใจที่มีต่อโควิด-19ไปได้ยาว ๆ เลยล่ะ เพราะชนิดเต็มสปีดไร้ขีดจำกัดทั้งหั่นราคา ทั้งแถม ทั้งให้ฟรี เปิดออนไลน์เรียนได้ยาว ๆ ไม่มีสะดุด (หากไม่หนีเรียน) รายละเอียดยกมาจาก TrueMove H มีให้เลือกดังนี้1. แพ็กเกจ U-MAX 250 เน็ตเต็มสปีดเพิ่มเป็น 32 GB นาน 6 เดือน (จากปกติ 20 GB) พร้อมเข้าเวปไซต์สถานศึกษาฟรี ไม่เสียค่าเน็ต นาน 12 เดือน โทรฟรีเบอร์ทรู ไม่จำกัด พร้อมเล่นโซเชียลฟรีไม่เสียค่าเน็ต (สำหรับลูกค้าแบบรายเดือน)2. แพ็กเกจ U-MAX 450 เน็ตเต็มสปีด 40 GB พิเศษเพียง 399 บาท/เดือน นาน 12 เดือน (จากปกติ 450 บาท) พร้อมเข้าเวปไซต์สถานศึกษาฟรี ไม่เสียค่าเน็ต นาน 12 เดือน โทรฟรีเบอร์ทรู ไม่จำกัด พร้อมเล่นโซเชียลฟรีไม่เสียค่าเน็ต (สำหรับลูกค้าแบบรายเดือน)3. แพ็กเกจ 4G+ Max Speed Unlimited 1099 บาท พิเศษ! เน็ตเต็มสปีดไม่อั้น เพียง 699 บาท นาน 12 เดือน โทร. ทุกเครือข่าย 700 นาที (สำหรับลูกค้าแบบรายเดือน)น้อง ๆ นักศึกษาแบบเติมเงิน อย่าเพิ่งน้อยใจ เพราะ TrueMove H เขาไม่ได้ลืม มีแพ็กเกจเจ๋ง ๆ มาเสิร์ฟเช่นกันนั่นคือ...ซิมเน็ต พร้อมใช้ ความเร็ว 4 Mbps ในราคา เพียง 450 บาท สามารถใช้เน็ตไม่อั้นนาน 90 วันภาพจาก TrueMove H แพ็กเกจรองรับ "Work from Home" จาก TrueMove สำหรับคนทำงาน ชื่อว่า ‘VWORK’มาถึงพระเอกของบทความแล้ว เกริ่นตั้งแต่ต้น มาปรากฏท้ายบท ให้สมเป็นพระเอกกันสักหน่อย แพ็กเกจนี้เอาใจชาวออฟฟิศที่ Work from Home ได้ชนิดที่ว่า ไม่ว่าแอป หรือโปรแกรมทำงานออนไลน์ใด กระทั่งประชุม conference ใด ก็มาดิคร้าบ เอาอยู่ทุกแอป ทุกโปรแกรม เพราะเน็ตแรง และราคาสบายกระเป๋า ยกข้อมูลมาจาก TrueMove H เช่นเดิม เพื่อความชัดเจน1. แพ็กเกจ 4G+ Max Speed Unlimited 1099 บาท พิเศษ! เน็ตเต็มสปีดไม่อั้น เพียง 899 บาท นาน 6 เดือน โทรทุกเครือข่าย 700 นาที (สำหรับลูกค้าแบบรายเดือน)2. ซิมเน็ต พร้อมใช้ความเร็ว 4 Mbps เพียง 450 บาท ใช้เน็ตไม่อั้นนาน 3 เดือน (สำหรับลูกค้าแบบเติมเงิน) แต่สำหรับใครไม่อยากจ่ายเหมา TrueMove H ก็มีให้เลือกอีกนั่นแหละว่า จะ Work from Home ในสเกลขนาดไหน ตามนี้1. แพ็กเกจเสริม Unlimited Video Conference ใช้ Video Conference ไม่อั้น รวม 5 แอป เพียงเดือนละ 99 บาท2. แพ็กเกจเสริม Unlimited Video Conference Max Speed ใช้เน็ตความเร็วสูงสุด 50 GB/เดือน พร้อมใช้ Video Conference ไม่อั้น! เพียง 499 บาท/เดือนภาพโดย mohamed Hassan จาก Pixabay  ที่ยกมาเป็นแพ็กเกจรองรับ "Work from Home" จาก TrueMove ที่ออกแบบมาได้เหมาะกับทุกความต้องการ แถมราคาก็ไม่ซ้ำเติม ทำงานที่บ้านหิว ๆ ก็สั่งของออนไลน์จาก 7 – 11 มารองท้อง หรือจัดหนักก็สบาย หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสายด่วน 1242 หรือ เฟซบุ๊คแฟนเพจ TrueMove H ครับ

​รู้จัก​​สมาชิกวง​ “Hearts2Hearts”​ เกิร์ลกรุ๊ป​วิชวลจาก SM Entertainment​​
อ่าน

​รู้จัก​​สมาชิกวง​ “Hearts2Hearts”​ เกิร์ลกรุ๊ป​วิชวลจาก SM Entertainment​​

"คอนเสปต์เด็กสาววัยรุ่น​ เพื่อนหญิงพลังหญิง​ ชีวิตและการไล่ตามความฝัน​" ยังคงได้รับความนิยมสูงในช่วงหลายปี​ที่ผ่านมา​ เห็นได้จากกระแสวงรุ่นพี่​อย่าง​ Newjeans, ILLIT​ ที่กวาดสถิติและรางวัลมากมาย​ ปีนี้เราก็มีอีกหนึ่งวงเกิร์ลกรุ๊ปที่น่าจับตามอง​ ได้แก่ "Hearts2Hearts" (ฮาร์ททูฮาร์ท)​ หรือชื่อย่อ​ H2H​ สาว​ ๆ​ มีกำหนดปล่อยเพลงเดบิวต์​ The​ Chase​ ​วันที่​ 24​ กุมภาพันธ์​ 2025​ เวลาไทย​ 4​ โมงเย็น รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! รู้จัก​ 8​ สาว​ Hearts2Hearts​: 1. Carmen (คาร์เมน) สัญชาติ:​ ​อินโดนีเซีย น้องมีชื่อจริงเก๋​ ๆ​ ว่า​ "ญอมาน อายู การ์เมนนิต้า (Nyoman Ayu Carmenita)" เกิดวันที่​ 28​ มีนาคม​ 2006 เป็นพี่ใหญ่ของวงแต่หน้าเด็ก​ ด้วยความที่น้องเป็นสาวหน้ากลม​​ มีแก้ม​ใส​ และตาหวาน ทำให้มีอิมเมจแบบน้องสาวเกาหลี​ น่าเอ็นดูจนแม่​ ๆ​ อยากเรียกว่าลูกสาว​ ส่วนตัวเราว่าภาพลักษณ์น้องดูเป็นสาวหวานอมเปรี้ยว​ ​สดใสมีเอเนอร์จี้เข้ากับหลายคอนเสปต​์​​ 2.​ Jiwoo (จีอู)​ สัญชาติ: เกาหลีใต้ น้องมีชื่อจริงว่า​ ชเวจีอู​ (Choi Jiwoo)​ เกิดวันที่​ 7​ กันยายน​ 2006 เราว่าคนนี้ดูมาทางเซ็กซี่เลย​ ทรงผมตัดสั้นดูแล้วเฉี่ยวคม​ บวกกับส่วนสูง​ 170​ เซน​ ทำให้มีความเป็นโมเดล​ it girl​ ใส่เสื้อผ้าอะไรก็ดูโดดเด่นมีสไตล์​แน่นอน 3.​ Yuha (ยูฮา)​ สัญชาติ: เกาหลีใต้ น้องมีชื่อจริงว่า​ ยูฮารัม (Yu Haram)​ เกิดวันที่​ 12​ พฤษภาคม​ 2007 สวยหวานแบบสาว​ SM​ มีใบหน้ารูปไข่​ ดวงตามีเสน่ห์​​ น่าจะเป็นวิชวลประจำวงเลยค่ะ​ แถมยังเป็น​ all​ rounder ที่โดดเด่นด้านเสียงร้อง​​ 4.​ Stella (สเตลล่า)​ สัญชาติ: เกาหลีใต้-แคนาดา น้องหมวยคนนี้มีชื่อจริงว่า​ สเตลล่าคิม (Stella Kim)​ หรือ​ คิมดาฮยอน​ (Kim​ Dahyun)​ เกิดวันที่​ 18​ มิถุนายน​ 2007​ เป็นคนเกาหลีแท้แต่เติบโตที่แคนาดา​ เมืองแวนคูเวอร์ สามารถเล่นกลอง​ เบส​ กีตาร์ได้​ 5.​ Juun​ (จูอึน)​ สัญชาติ: เกาหลีใต้ น้องมีชื่อจริงว่า​ คิมจูอึน (Kim Jueun)​ เกิดวันที่​ 3​ ธันวาคม​ 2008 น้องเป็นสาวตาเฉี่ยว​ เมคอัพตาเข้ม​ ๆ​ จะสวยมาก​ จุดเด่นของน้องคือริมฝีปากที่อวบอิ่ม​  6.​ A-na (เอน่า) สัญชาติ: เกาหลีใต้ น้องมีชื่อจริงว่า โนยูนา (Noh Yuna) เกิดวันที่ 20 ธันวาคม 2008 มีความสวยที่เป็นเอกลักษณ์ และใบหน้าที่สมส่วนที่สุด เธอดูเป็นสาวเงียบพูดน้อย และลุคที่เป็นเจ้าหญิง ทำให้เธอมีความน่าค้นหา คนนี้คือจำง่ายสุด 7. Ian (อีอัน) สัญชาติ: เกาหลีใต้ น้องมีชื่อจริงว่า จองลีอัน (Jeong Leean) เกิดวันที่ 9 ตุลาคม 2009 เธอมีใบหน้าคล้ายรุ่นพี่ในค่ายอย่าง คารินา Aespa ทั้งดวงตา จมูก ริมฝีปากบาง รูปหน้าเรียว แต่ลุคของเธอยังมีความซอฟต์และเป็นเด็กวัยรุ่นมากกว่า แต่ในอนาคตเธอคงสามารถเดินตามแนวทางของรุ่นพี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รับหน้าที่เป็นเสียงหัวเราะประจำวง 8. Ye-on (เยออน) สัญชาติ: เกาหลีใต้ น้องเล็กประจำวง ชื่อจริง คิมนายอน (Kim Nayeon) มีใบหน้าที่คล้ายตุ๊กตาเด็ก มีดวงตากลมโตชั้นเดียว ปากนิด จมูกหน่อย แก้มป่อง ทำให้ดูหน้าเด็กมาก ๆ เกิดวันที่ 19 พฤษภาคม 2010 เธอมีอายุห่างจากพี่ใหญ่ในวง 4 ปี ซึ่งถือว่าวัยยังไล่เลี่ยกัน เธอมีอิมเมจเป็นความน่ารักประจำวง ความเห็นต่อวง ด้วยความที่เมมเบอร์เยอะ เห็นครั้งแรกก็ยังแยกไม่ออกทุกคน แต่พอได้ทำความรู้จักสาว ๆ มากขึ้น เราว่าสาว ๆ มีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำกันเลยค่ะ แต่ละคนจะมีจุดเด่นที่ทำให้จำง่าย ตอนนี้เราขอปักเมนน้องยูฮาไปก่อน คอนเสปต์ของสาว ๆ มีความน่ารัก เพ้อฝัน ลึกลับ เทพนิยาย ดาร์กแฟนตาซี ด้วยงานอาร์ตจัดเต็มสไตล์ sm มีความเป็นวัยรุ่นเข้ากับอายุวง ซึ่งเดี๋ยวนี้คอนเสปต์แนวน่ารักแมสขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก สมัยก่อนวงน่ารักไม่ได้ขายได้ง่าย แต่ตอนนี้กลับกันเราว่าคอนเสปต์ที่มีความหนัก จัดจ้าน แนวเกิร์ลครัช หรือฮิปฮอป เริ่มจะขายยากขึ้น ดังนั้น H2H ถือเป็นวงที่ต่อยอดได้มาก และสามารถตีตลาดคนได้หลายช่วงวัย อีกทั้งค่าย sm เองก็มีฐานแฟนคลับมากมาย จึงคิดว่าวงนี้สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างสวยงาม เครดิตรูปปก และรูปประกอบบทความ 1,2,3,4,5,6,7,8 จาก hearts2hearts เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

ชีวิตแบบ Work From Anywhere
อ่าน

ชีวิตแบบ Work From Anywhere

หลังจากที่ โควิด-19 เข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของผู้คนในทุกด้าน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโควิดก็มาเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานจาก Office เป็น Work From Anywhere หรือ การทำงานจากที่ไหนก็ได้ ขอเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต โน็ตบุ๊ค และโต๊ะทำงานเล็ก ๆ สักตัว ซึ่งมีหลากหลายอาชีพที่สามารถทำได้ แต่ก็มีบางอาชีพที่ค่อนข้างไม่เอื้ออำนวย เรามาลองดูข้อดีข้อเสียกันดีกว่าข้อแรก Work From Anywhere ช่วยลดความแออัดที่ไม่จำเป็นปัญหาหลักเลยของคนทำงานที่ต้องพบเจอทุกวัน คือ การเดินทางไปทำงาน และชีวิตที่อยู่บนท้องถนนในชั่วโมงเร่งด่วนที่การจราจรติดขัด การทำงานแบบ Work From Anywhere จะช่วยลดปัญหาเหล่านี้โดยตรง เพราะชีวิตเร่งรีบน้อยลง และมีเวลามากขึ้น แต่ข้อเสียก็มีเช่นเดียวกันค่ะ คือ บางครั้งเราจำเป็นที่ต้องการใช้อุปกรณ์สำนักงานในงานที่เราทำ ซึ่งตรงนี้จะไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ข้อสอง Work From Anywhere ช่วย Support การใช้ความคิดงานบางอย่างที่ต้องใช้ความคิด และ ต้องการสมาธิกับการโฟกัสอะไรบางอย่าง Work From Anywhere ตอบโจทย์มาก โดยเฉพาะการนั่งทำงานในมุมที่มีความสบายตาของธรรมชาติจะช่วยให้เราเกิดไอเดียใหม่ ๆ ขึ้นมา เพราะเหตุนี้หลายที่จึงได้ผุดร้าน Co Space Working ขึ้นมาและกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ข้อเสียคือ บางครั้งที่ต้องการขอความคิดเห็นจากคนในทีม หลายคนมองว่าการนั่งทำงานร่วมกัน และมีการถามหรือโต้ตอบกัน ณ ตอนนั้น อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะเราได้รับรู้ถึงความรู้สึก และการแสดงออกต่อสิ่ง ๆ นั้นอย่างแท้จริงข้อสาม Work From Anywhere ช่วยบริษัทลดภาระค่าใช้จ่ายเนื่องจากการใช้ทรัพยากรในบริษัทจะลดน้อยลงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น การใช้ไฟฟ้า การใช้น้ำ หรือ อุปกรณ์ที่จำเป็นต่าง ๆ แต่จุดนี้มีข้อถกเถียงกันพอสมควรจากที่ผู้เขียนได้รับรู้มา เพราะบริษัทอาจลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ แต่อาจจะเป็นตัวของพวกเราเองที่อาจจะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นในเรื่องของค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าอินเทอร์เน็ต สำหรับหลาย ๆ คน ไม่สะดวกกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จึงมองว่าการทำงานที่ Office จะดีกว่าค่ะสำหรับงานในปัจจุบัน หลังจากโควิดเริ่มดีขึ้น เริ่มมีการกลับมาจ้างงานกันมากขึ้น และตลาดแรงงานจะสนับสนุนในเรื่องของ Work From Anywhere มากขึ้น หากใครที่ชอบแบบนี้คงจะถูกใจไม่ใช่น้อย การทำงานทุกอย่างอยู่ที่เราเลือกนะคะ ว่าเราอยากใช้ชีวิตแบบไหน เราสามารถกำหนดมันได้ ขอให้ทุกคนโชคดีและมีความสุขกับงานที่คุณเลือกค่ะ ... สวัสดีค่ะ เครดิตภาพ  ภาพปก โดย StockSnap : ภาพแรก โดย StockSnapภาพที่สอง โดย StockSnap : ภาพที่สาม โดย StockSnap อ่านบทความอื่นของ WP คลิกได้เลยที่นี่ 👉 https://cities.trueid.net/@7259

มารยาทในการ "Work from Home"
อ่าน

มารยาทในการ "Work from Home"

มารยาทในการ  Work From Home  ตอน ประชุมออนไลน์  ช่วงนี้หลาย ๆ คนน่าจะอยู่ในช่วง Work From Home กันเป็นส่วนใหญ่ บางคนค่อย ๆ เริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว หรือบางคนอาจจะยังปรับตัวได้ไม่ดี ยังบริหารเวลาไม่ถูก ก็ไม่ต้องกดดันตัวเองมากไปนะคุณ เอาเป็นว่าขอให้เราทำทุกอย่างแบบเปิดใจยอมรับ แล้วก็เต็มที่กับงานที่อยู่ตรงหน้า ต้องบอกว่ารูปแบบหรือเนื้องานของบางคนอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เราได้ยินเสียงฟีดแบ็คของชาวออฟฟิศที่ Work From Home กันช่วงนี้อาจจะมีความเหนื่อยล้าที่ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง พูดคุยสื่อสารติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา ขอให้สบายใจไว้อย่างหนึ่งว่า อย่างน้อยเราก็ยังมีงานทำนะคุณ เพราะฉะนั้น เป็นกำลังใจคนทำงานที่บ้านทุกคนด้วยและอีกหนึ่งอย่างที่เราชาว Work From Home จะต้องพบเจอจนกลายเป็นอีกหนึ่งกิจวัตร และถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับชาวออฟฟิศบ้านเราพอสมควร นั่นก็คือการ ประชุมออนไลน์ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ตามนโยบายความเหมาะสมของแต่ละบริษัท เชื่อว่าหลายคนน่าจะปรับตัวได้แล้ว แต่ก็ยังมีหลายคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ หรือ ละเลยเรื่องมารยาทการทำงานผ่านประชุมออนไลน์ วันนี้เราเลยอยากมาแชร์เงื่อนไขง่าย ๆ อย่าเรียกว่าเป็นกฎเลย เรียกว่าเป็นมารยาท ในการประชุมออนไลน์เพื่อเพิ่ม performance ที่ดีที่การทำงานที่บ้านดีกว่าตรงเวลาphoto free for https://www.canva.com/ข้อนี้สำคัญมาก เพราะอย่าลืมว่าเราจะต้อง standby ให้พร้อมตลอดเวลาทำงาน แม้จะเป็นการอยู่ที่บ้าน เรื่องเวลามีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการ Meeting เพราะมันจะไม่ใช่แค่เราคนเดียว เปรียบเทียบเหมือนตอนนั่งประชุมที่ออฟฟิศนั่นแหละ ก่อนการประชุมจะต้องมีการนัดหมาย วันและเวลาอย่างชัดเจนมาแล้วเพราะฉะนั้น คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม ถ้าคุณช้าก็เหมือนคุณเดินเข้าห้องประชุมสายนั่นเอง เพราะฉะนั้นเรื่องเวลาจึงสำคัญมาก ห้ามลืม ห้ามมีข้ออ้างอื่น ๆ เพราะคุณต้องตรงเวลาและพร้อมเสมอในชั่วโมงการทำงานที่บ้านเทคนิคเพิ่มเติม : ตั้งเวลาปลุกช่วง meeting สำคัญ ๆ ไว้ล่วงหน้า อย่างน้อย 10 นาที ป้องกันการลืม อยู่ในพื้นปิด ไม่มีสิ่งรบกวนphoto free for https://www.canva.com/สถานที่ค่อนข้างมีส่วนในเรื่องของความเหมาะสม โดยเฉพาะการเลือกมุมที่พร้อมสำหรับการประชุมออนไลน์ อย่างที่เราเคยแนะนำไปก่อนหน้านี้ว่า การทำงานที่บ้าน คุณต้องเตรียมพื้นที่ที่เหมาะกับการทำงานเอาไว้ด้วย ไม่ใช่นั่งตามโต๊ะอาหารหรือห้องนอน เพราะเมื่อมีการประชุมออนไลน์คุณจะต้องเปิดกล้องโชว์ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานท่านอื่น ๆ หากคุณไม่เตรียมความพร้อมในข้อนี้ จะทำให้คุณดูเสียมารยาท ไม่รู้จักกาลเทศะได้ เพราะฉะนั้นต้องเตรียมพื้นที่ให้ดี จัด Backgroundให้เหมาะสม สุภาพ สะอาดตา ดูแล้วพร้อมที่จะทำงาน ที่สำคัญต้องเป็นพื้นปิด ที่ไม่มีสิ่งรบกวนเข้ามาเป็นจุดสนใจหรือก่อก่วนการประชุมด้วย หากอยู่กับครอบครัวที่มีเด็ก หรือสมาชิกภายในบ้าน เราอาจจะต้องบอกให้ชัดเจน และกำหนดพื้นที่ปิด เพื่อไม่ให้มีใครเข้ามารบกวนในระหว่างการประชุมออนไลน์เทคนิคเพิ่มเติม : จัดเตรียมพื้นที่ล่วงหน้า แยกเป็นสัดส่วนให้ชัดเจน (มุมเฉพาะ) จะช่วยให้เรามีวินัยที่ดีขึ้น ตั้งใจฟังที่คนอื่นพูดphoto free for https://www.canva.com/ในขณะที่ประชุมออนไลน์ เราจะโดนสิ่งรบกวนทำให้หลุดโฟกัสได้ง่าย เพราะฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือคุณต้องตั้งใจฟังสิ่งที่คนอื่นพูด อาจจะมีการบันทึกข้อมูลสำคัญด้วยการจด เพื่อเป็นการเพิ่มโฟกัสในการฟัง ที่สำคัญในขณะที่คนอื่นกำลังพูดอยู่ในการประชุมออนไลน์ทางที่ดี ไม่ควรทำอย่างอื่นร่วมไปด้วย เพราะจะทำให้คุณกลายเป็น ตัวก่อกวนในระหว่างประชุมได้ง่าย เป็นการฝึกการฟังที่ดี โฟกัสที่ผู้พูด ที่สำคัญหากเราตั้งใจฟังจะทำให้การประชุมนั้นได้ผลดี ไม่เสียเวลามากไปเทคนิคเพิ่มเติม : โฟกัส agenda การประชุม เช็คลิสต์สิ่งที่คนอื่นพูดว่าเราได้ข้อมูลเพิ่มเติมอะไรบ้าง ด้วยการจดบันทึก ปิดไมค์ เมื่อไม่ได้พูดphoto free for https://www.canva.com/ข้อนี้หลาย ๆ คนบางครั้งอาจจะหลงลืมไป ไม่ได้ระมัดระวัง หากประชุมกันเป็นกลุ่มเล็ก ไม่ใหญ่มาก อาจจะไม่ส่งผลกระทบเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นกลุ่มใหญ่ที่เกิน 5 คนขึ้นไปถ้าคุณพูดจบแล้ว แต่ไม่ยอมปิดไมค์ หรือระหว่างที่ฟังคนอื่นพูดก็ไม่ได้ปิด เสียงรอบข้างจะเข้าไปกวนสมาธิคนอื่นที่กำลังตั้งใจฟังอยู่ได้ หรือเสียงอื่น ๆ ที่จะเข้าไปในการประชุมแบบที่เราไม่คาดคิด เช่น เสียงแวดล้อมจากภายนอก เพราะฉะนั้นปิดไมค์ไว้ดีกว่าถ้าไม่ได้พูด เพื่อป้องกันเสียงสุดวิสัยที่เราควบคุมไม่ได้เทคนิคเพิ่มเติม :  กดปิดไมค์ไว้เสมอ โดยเฉพาะเสียงอื่น ๆ จากเครื่องมือสื่อสารด้วยเปิดใจยอมรับphoto free for https://www.canva.com/สำหรับข้อนี้อยากให้ทุกคนที่กำลัง ตกอยู่ในสถานการณ์สับสน และพยายามหาคำตอบให้กับการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันครั้งนี้ ว่าให้เปิดใจยอมรับไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น การทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่อยากให้มองถึงข้อดีที่ตามมา อย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องเดินทางฝ่ารถติด ฝ่าฝูงคนมากมาย ผจญกับความรีบเร่งในช่วงเช้าของการเดินทางไปทำงาน เอาเป็นว่าอาจจะมีช่วงที่คุณต้องยุ่งมาก ช่วงทำงานที่บ้าน แต่อย่างน้อย คุณก็ไม่ต้องออกไปข้างนอกให้เหนื่อย ค่อย ๆ ปรับเรื่องเวลาและการจัดสรรเวลาให้ดี ถ้าทุกอย่างพร้อม ไม่แน่ว่าคุณอาจจะรักการ Work From Home ก็เป็นได้เทคนิคเพิ่มเติม : คิดในแง่บวก โฟกัสเรื่องงาน แต่ต้องผ่อนคลายและแพลนล่วงหน้าเอาไว้ด้วย  

ข้อดีของ Work from home
อ่าน

ข้อดีของ Work from home

ข้อดีของ Work from homeเว็บไซต์ pixabay   ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ไวรัส Covid -19 นั้นอยู่ในระหว่างเฝ้าติดตาม รับมือ และป้องกันในทุก ๆ ที่และแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่าง ๆ กับทุกส่วนของสังคม รวมไปถึงการทำงานในแต่ละที่ด้วยมาตรการบางอย่างควรได้ลองนำมาปรับใช้ในสถานการณ์นี้ อย่างเช่น การทำงานที่บ้านเพื่อลดความเสี่ยงในการออกไปติดเชื้อในสถานที่ต่าง ๆ วันนี้เราจะมาดูข้อดีของการทำงานที่บ้านกันค่ะ1. ยืดหยุ่นเวลาได้    จากปกติที่เราต้องทำงานตามตารางเวลาที่กำหนดไว้เพื่อที่จะได้ออกไปทำงานข้างนอกให้ตรงเวลา แต่เมื่อเราทำงานอยู่ที่บ้านเราก็สามารถยืดหยุ่นตารางการทำงานที่เราวางแผนไว้ได้เช่น ในตอนเช้าเราอาจจะทำงานบ้าน หรือพักผ่อนแล้วทำงานในช่วงบ่าย มีเวลาการทำกิจกรรมอย่างอื่นได้เยอะกว่าการออกไปทำงานข้างนอก2. จัดสภาพแวดล้อมด้วยตนเองถ่ายภาพโดยผู้เขียน   สามารถจัดการกับสภาพแวดล้อมรอบตัวเราได้เพราะบางทีสภาพแวดล้อมในที่ทำงานของเราก็ไม่ได้เอื้อต่อการทำงานถูกไหมละคะ บางทีก็ต้องพบเจอผู้คนเยอะ ๆ จนไม่มีสมาธิในการทำงาน แต่ถ้าเราจัดสภาพแวดล้อมที่ถูกใจเรายิ่งเวลาที่อยู่บ้าน เราสามารถทำพื้นที่ให้เหมาะกับการทำงานที่เราชอบได้ เราอาจจะชอบบรรยากาศแบบนี้ในการทำงานทั้งวัน เราก็สามารถจัดได้เลยค่ะ3. ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดทำงานที่ถูกระเบียบถ่ายภาพโดยผู้เขียน   การที่เราอยู่ที่บ้านเราก็ใส่เสื้อผ้าได้สบายไม่ต้องมากังวลเรื่องการแต่งตัวออกไปทำงาน เพราะการออกไปทำงานข้างนอกเราต้องเลือกชุดที่ดีที่สุดและถูกใจเราที่สุดมันก็ยิ่งจะทำให้เราเสียเวลาเพิ่มมากขึ้นใช่ไหมคะ แต่การทำงานอยู่ที่บ้านเราสามารถใส่ชุดแบบไหนก็ได้ ไม่ต้องมากังวลว่ามันถูกระเบียบหรือไม่ และนี้ก็คือข้อดีอีกข้อหนึ่งเลยค่ะ4. สามารถทำงานบ้านได้เลยเว็บไซต์ pixabay   เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะทำงานกันทุกวันและมีวันหยุดเพียงแค่วันอาทิตย์เพราะฉะนั้นงานบ้านทุกอย่าง เราก็คงจะมีเวลาทำแค่วันอาทิตย์ถูกไหมละคะแต่การทำงานที่บ้านเราสามารถทำงานไปด้วย ซักผ้าไปด้วยก็ได้ เราสามารถทำงานบ้านควบคู่ไปกับการทำงานได้5.  ไม่มีการรบกวนจากสิ่งรอบข้างเว็บไซต์ pixabay   เมื่อทำงานข้างนอกเราต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนตลอดเวลาใช่ไหมละคะ มันจะยิ่งทำให้งานของเราเดินช้าแต่เมื่อทำงานที่บ้านเราจะไม่ได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและเราก็จะมีสมาธิกับการทำงานมากยิ่งขึ้น   และนี้ก็เป็นข้อดีของการ Work from home นะคะการทำงานที่บ้านไม่ได้แย่อย่างที่หลาย ๆ คนคิดแต่มันกลับมีข้อดีมากมายเพราะฉะนั้น อยู่บ้าน หยุดเชื้อกันนะคะ

ซีแอนด์จี พร้อมรับมือขยะพลาสติกพุ่ง หลัง Work from Home ช่วงโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่
อ่าน

ซีแอนด์จี พร้อมรับมือขยะพลาสติกพุ่ง หลัง Work from Home ช่วงโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่

ข่าววันนี้ ขยะพลาสติกเพิ่ม หลัง Work from Home ซีแอนด์จี พร้อมรับมือปริมาณขยะพลาสติกพุ่ง ล่าสุดช่วยกำจัดขยะติดเชื้อจากโรงพยาบาลมากกว่า 50 ตันต่อวัน พร้อมลงทุนและก่อสร้างเตาเผาไม่น้อยกว่า 1,000 ตัน/วัน มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาททันที เฝ้ารอกระทรวงพลังงานประกาศรับซื้อไฟ นายเหอ หนิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินการโรงกำจัดขยะผลิตไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมหนองแขม เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ และวิถีแบบ New normal ประกอบกับปัจจุบันหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work From Home) ทำให้การเติบโตของบริการจัดส่งอาหาร (Food Delivery) และพัสดุเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มสูงขึ้น โดยข้อมูลจากกรุงเทพมหานคร พบว่าในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา มีปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้น 7.61% จากเดือนมี.ค. 2564 จากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทมีความพร้อมที่จะรองรับการกำจัดขยะที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะขยะชุมชน ซึ่งปัจจุบันนอกจากกำจัดขยะชุมชนแล้ว บริษัทได้ช่วยกำจัดขยะติดเชื้อที่เกิดขึ้นจาก สถานพยาบาล รพ.สนาม หน่วยบริการตรวจเชิงรุก และศูนย์บริการฉีดวัคซีน ที่ได้รับการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อแล้วกว่าวันละ 50 ตัน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระปริมาณขยะติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน บริษัทพร้อมลงทุนและก่อสร้างโครงการกำจัดมูลฝอยด้วยวิธีการเผาไหม้เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม ขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตัน/วัน ตามการให้สัญญากับกรุงเทพมหานคร มูลค่าโครงการสูงถึง 5,000 ล้านบาท โครงการนี้ได้ผ่านการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย และจัดทำประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice : CoP) เรียบร้อยแล้ว เวลานี้เฝ้ารอภาครัฐประกาศสิทธิการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการ และหากได้รับการอนุญาติในเร็ววันนี้ บริษัทพร้อมที่จะดำเนินการทันที ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยในภาวะสถานการณ์โควิดได้เป็นอย่างดี เพื่ออำนวยความสะดวกในการเยี่ยมชมโรงงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ ทางโรงงานได้เปิดให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้การจัดการขยะผลิตไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อม และเยี่ยมชมโรงงานด้วยระบบเสมือนจริง ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ http://www.cg-ep.co.th/thai, http://www.cg-ep.co.th/eng

ปตท. ร่วมแก้วิกฤตฝุ่น PM 2.5 หนุนพนง. Work from Home ช่วง 3-5 ก.พ.66
อ่าน

ปตท. ร่วมแก้วิกฤตฝุ่น PM 2.5 หนุนพนง. Work from Home ช่วง 3-5 ก.พ.66

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด ทำให้ฝุ่นละอองสะสมตัวมากขึ้น และส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย บริษัทตระหนักถึงปัญหาจึงมีนโยบายให้พนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา ระยอง ราชบุรี และขอนแก่น ปฏิบัติงานในที่พัก (Work from Home) ระหว่างวันที่ 3 5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อร่วมลดผลกระทบที่เกิดจากการสัญจร ทั้งนี้ ปตท. ยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศกำหนด ด้วยกลยุทธ์เชิงรุก ปรับ เปลี่ยน ปลูก ปรับกระบวนการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการให้ได้สูงสุด เปลี่ยนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการลงทุนโดยมุ่งธุรกิจพลังงานสะอาด อาทิ พลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ โดย ปตท. เป็นแกนหลักในการปลูก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศด้วยวิธีทางธรรมชาติ ปตท. พร้อมดำเนินการในทุกมิติเพื่อเป็นส่วนหนี่งในการช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และจะอยู่เคียงข้างคนไทยเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ไม่ได้ยาก !! 4 วิธี Work from Home ที่บ้านอย่างไร ให้หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม
อ่าน

ไม่ได้ยาก !! 4 วิธี Work from Home ที่บ้านอย่างไร ให้หุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม

แนะนำเคล็ดลับดีๆ ให้กับ หนุ่มๆ ในการ Work from Home ทำงานที่บ้านยังไง ให้หุ่นของเรายังแข็งแรง และฟิตแอนด์เฟิร์ม อยู่เสมอ แม้ไม่ได้ออกไปฟิตเนส ก็ตาม ช่วงนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยยังรุนแรง ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง หลายบริษัท หลายที่ทำงาน ก็ยังคงต้องให้พนักงาน หรือคนทำงาน กักตัวอยู่บ้าน และทำงานแบบ Work From Home กันมากขึ้น และแน่นอนว่า เมื่อเราทำงานที่บ้าน เราก็จะไม่ค่อยได้ขยับตัว ไม่ค่อยได้ยืดเส้นยืดสาย หลายคนนี่น้ำหนักตัวพุ่งพรวดๆ ดังนั้นวันนี้ เราเลยมี 4 เคล็ดลับดีๆ ที่ขะช่วยให้คุณผู้ชาย ทั้งหลาย สามารถมีสุขภาพแข็งแรง และร่างกายฟิตแอนด์เฟิร์มได้ แม้จะต้อง Work from Home ครับ 1. ตื่นนอน และเข้านอนให้เป็นเวลา หลายคนจะคิดว่า ทำงานที่บ้าน จะนอนตอนดึกแค่ไหนก็ได้ ตื่นนอนตอนไหนก็ได้ เพราะไม่ต้องเร่งรีบออกไปทำงานข้างนอก แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิดครับ เพราะการทำแบบนี้ จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง แถมยังส่งผลเสียต่อรับบเผาผลาญ ยิงถ้าเรานอนดึก ร่างกายเราก็ยิ่งเผาผลาญน้อย และเมื่อนานเข้าๆ น้ำหนักตัวก็เพิ่มขึ้นมาได้ ดังนั้นเราควรนอนให้เป็นเวลา และพักผ่อนให้เพียงอ อย่างน้อยก็วันละ 7-8 ชั่วโมงครับ 2. ขยับตัว ขยับร่างกาย ในระหว่างวัน ในระหว่างวัน เราไม่ควรนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเดียว เราควรหาเวลาช่วงสั้นๆ ขยับแข้ง ขยับขา ขยับตัว ลุกขึ้นเดินไปมาบ้าง ไม่งั้นโรคออฟฟิศซินโดรม ได้ถามหาแน่นอน อีกทั้งมันจะช่วยให้ร่างกายกลับมาสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ซึ่งมันจะส่งผลดีต่อร่างกาย หัวสมองก็แล่นขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น อีกด้วย 3. เปลี่ยนบ้านให้เป็นสถานที่ออกกำลังกาย เมื่อทำงานเสร็จในแต่ละวันแล้ว ลองหาเวลาว่างไปออกกำลังกาย ไปเบิร์นแคลอรี่ระหว่างวันที่เรากินเข้าไป โดยใช้บ้าน หรือในคอนโดของเรานั่นแหละครับ เป็นสถานที่ในการออกกำลังกาย บ้านไหนมีพื้นที่หน่อย ก็อาจจะใช้การวิ่งรอบบริเวณบ้าน กระโดดเชือก หรือตีแบด เตะฟุตบอลกับคนในบ้าน แต่ถ้าใครอยู่คอนโด หรือสถานที่มีน้อย ก็ออกกำลังกายด้วยการเล่นบอดี้เวท ยกดัมเบล หรือจะเปิด Youtube แล้วทำตามคลิป การสามารถออกกำลังที่บ้านได้ แล้วครับ 4. ลองทำอาหารทานเองบ้าง หนุ่มๆ อาจไม่รู้ว่า การที่หุ่นเราพัง หรือน้ำหนักตัวเอาเพิ่มขึ้น สาเหตุหลักก็มาจาก เรื่องอาหารการกิน นั่นเอง เพราะเราต้องเร่งรีบไปทำงาน เราเลยต้องการอาหารที่เร็ว สะดวก และโดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดนั่นเอง ซึ่งมันส่งผลร้ายต่อร่างกายของเราอย่างมาก ทีนี้ พอเราต้องกักตัว ทำงานอยู่บ้าน เราก็จะมีเวลามากขึ้น ไม่ต้องเร่งต้องรีบ เราลองเปลี่ยนมาทำอาหารกินเอง ดูมั้ยครับ ใครทำไม่เป็นก็อาจจะลองเมนูที่ง่ายๆ ก่อน เปิดดูวิธีการทำตาม Youtube หรือ เพจต่างๆ ก็ได้ หรือบ้านไหน ที่พี่น้อง คุณพ่อคุณแม่ ที่อาหารเองอยู่แล้ว อันนี้ก็สบายเลยครับ เพียงแค่เราเลือกเมนูที่มีประโยชน์ และดีต่อสุขภาพ ก็จะทำให้เราควบคุมน้ำหนักได้ง่าย อีกทั้งช่วยให้ร่างกายให้แข็งแรง พร้อที่จะสู้กับเจ้าโควิด-19 ได้ครับ ------------------------------------------------- ข่าวที่เกี่ยวข้อง ไม่ยากอย่างที่คิด!! 5 วิธีเริ่มต้นลดน้ำหนัก สำหรับผู้ชายหุ่นหมี น้ำหนักเยอะ แบบไหนดีกว่ากัน!! ออกกำลังกายตอนเช้า VS ออกกำลังกายตอนเย็น ของเด็ดทั้งนั้น!! 5 อุปกรณ์การออกกำลังกาย ที่หนุ่มๆ ควรมีเอาไว้ที่บ้าน ------------------------------------------------- ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ คลิกที่นี่ อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณคลิกเลย!! bit.ly/2PsYXMG หรือ กด *301*32# โทรออก

ปัญหา "โรคอ้วน" กับการ "Work from Home"
อ่าน

ปัญหา "โรคอ้วน" กับการ "Work from Home"

เครดิตภาพ : unsplash1 / unsplash2สวัสดีค่ะเพื่อนนักอ่านทุกท่าน~ อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่าในตอนนี้ในประเทศหลาย ๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทยนั้นเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดอย่างไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่างโคโรน่าไวรัส หรือที่รู้จักกันในชื่อ Covid-19 และทางภาครัฐบาลได้ออกมาตราการฉุกเฉินอย่าง พ.ร.ก. 'อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ' เรียกง่าย ๆ ก็คือการกักตัวอยู่บ้านนั้นเองซึ่งทำให้ส่งผลกระทบหลาย ๆ ด้าน อาทิเช่น การท่องเที่ยว เศรษฐกิจ การเรียน การทำงาน ดังนั้นใคร ๆ หลาย ๆ คนจำเป็นจะต้องมีการทำงานอยู่ที่บ้านหรือเรียกว่าการ 'Work From Home' วันนี้เรามาดูกันในเรื่องของ "ปัญหาโรคอ้วนกับการ Work from Home" ว่าพฤติกรรมใดบ้างจะส่งผลโดยตรง ควรเลี่ยงอะไร? ควรทำหรือแก้ไขได้อย่างไร?ปัญหาโรคอ้วนกับการ Work from Homeการ Work from Home นั้นเหมือนการที่เราเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานจากเดิมที่ต้องคอยตื่นเช้า รีบเร่งจากการเดินทางไปที่ออฟฟิศที่ทำงาน ซึ่ง 'การออกไปทำงาน' ได้กลายเป็นวิถีชีวิตและส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อเดือนสองเดือนที่ผ่านมานั้นได้มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โควิด 19 เกิดขึ้น จึงทำให้ทุกคนต้อง 'กักตัวอยู่บ้าน' ทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างเป็นทางออนไลน์แทน เห็นได้ชัดเลยก็คือการ Work from Home ซึ่งทำให้หลาย ๆ คนคงต้องปรับตัวกันไม่ใช่น้อย ซึ่งเรามองว่าการทำงานอยู่บ้านก็ส่งผลเสียโดยตรงเลยกับโรคอ้วนหรือการอ้วนขึ้น ดังนี้การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพราะว่าจากที่เราจะต้องมีการลุกขึ้น อาบน้ำ ขึ้นรถ ขับรถเพื่อไปทำงาน เราก็ยังจะต้องมีการขยับตัวเพื่อทำกิจกรรมอยู่พอสมควร แต่เมื่อเปลี่ยนเป็น ลุกขึ้น อาบน้ำ และนั่งบริเวณรอบ ๆ บ้านเพื่อทำงานแทน หรือบางคนก็อาจจะทำงานบนเตียงเลยก็ว่าได้ จะเห็นได้ชัดว่าการทำงานที่บ้านเราแทบไม่ต้องขยับตัวเลยด้วยซ้ำไม่มี Time line ที่ชัดเจนทำงานที่บ้านไม่มีไม่ได้มีการกำหนดแบ่งเวลาชัดเจน ว่าพักกี่โมง ทำให้รู้สึกฟรีสไตล์มากขึ้น จะกินตอนไหนจะนอนตอนไหนก็ได้ ซึ่งหากเราทำงานที่ออฟฟิศอาจจะมีกฎเกณฑ์วางไว้อย่างชัดเจนว่าเที่ยงกินข้าวได้ หรือห้ามทานขนมระหว่างทำงาน เป็นต้นไม่ได้ออกกำลังกายบางคนที่เคยมีเวลาเข้าฟิตเนสเพื่อไปออกกำลังกายก็ยกเลิก เพราะฟิตเนสบางที่มีการปิด ทำให้มีการละเลยการออกออกกำลังกายเป็นเวลานาน ไม่มีการออกกำลังและเคลื่อนไหวใด ๆ เพราะอยู่แต่ในห้องบริการ Food Deliveryแถมยังมีพฤติกรรมการกินที่เยอะกว่าเก่าเพราะแต่ละวันมีเวลาอยู่บ้านเยอะขึ้น และยังมีบริการอย่าง Food Delivery เกิดขึ้นมา ทำให้การซื้อหรือทานอาหารต่าง ๆ ไม่ใช่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นจะส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพและอาจจะเกิดโรคอ้วนขึ้นได้ เราจึงอยากจะมาแนะนำ ขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาและวิธีหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าวกันค่ะ1.) การทานอาหารที่มีประโยชน์เครดิตภาพ : unsplashใครที่กำลังต้อง Work from Home และไม่มีสามารถหรือไม่อยากออกจากห้องเพื่อไปออกกำลังกาย เพราะอาจจะมีความเสี่ยง เราขอแนะนำวิธีง่าย ๆอย่างการทานอาหารที่มีประโยชน์หรืออาจจะเป็นอาหารคลีน ซึ่งในปัจจุบันร้านอาหารคลีนมีแบบ Delivery เยอะมากค่ะ หรือใครอยากจะลองทำดูก็ได้นะคะ ในส่วนของวัตถุดิบก็สามารถสั่งแบบออนไลน์ได้ อาทิเช่น Tesco Lotus ช็อปออนไลน์ , บิ๊กซี หรือ โรบินสัน ออนไลน์ เป็นต้น ได้ลองฝึกทำอาหารเป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจค่ะ และงดทานอาหารที่เป็นของมัน ๆ หรือน้ำหวาน เป็นอีกทางเลือกเบื้องต้นที่สามารถทำได้ง่าย ๆ2.) ออกกำลังกายในพื้นที่สาธารณะเครดิตภาพ : unsplashในการออกกำลังกายในพื้นที่สาธารณะถือว่าเป็นอะไรที่ยังค่อนข้างมีความเสี่ยงอยู่นะคะ เพราะเราต้องเจอผู้คนเป็นจำนวนมาก และนับว่าเป็นพื้นที่แออัด แต่หากเลี่ยงที่จะออกไม่ได้ แนวทางในการป้องกันเลยคือ วิ่งหรือเดินออกกำลังกายแบบ Social Distance ห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร ไม่จับเครื่องเล่นต่าง ๆ หรือถ้าเผลอจับจะต้องมีการล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ ใส่หน้ากากอนามัยตอนออกกำลังกาย หรือจะหาพื้นที่ออกกำลังกายที่คนน้อยไม่แออัดนัก3.) ออกกำลังกายในบ้านเครดิตภาพ : unsplashหากเพื่อน ๆ คนใดไม่อยากออกจากบ้านจริง ๆ ก็เอาพื้นที่ในบ้านหรือบริเวณบ้าน เช่น สวนหย่อมหน้าบ้าน เป็น Gym แบบชั่วคราวไปก่อนเลยค่ะ เพื่อน ๆ อาจจะเล่นออกกำลังกายแบบคาดิโอตามช่องยูทูปแบบง่าย ๆ โดยหาเสื่อสำหรับไว้ออกกำลังกายมาปูLink : 10 ช่อง Youtube สอนออกกำลังกายช่วงกักตัว4.) ทำงานบ้านเครดิตภาพ : unsplash1 / unsplash2 / unsplash3 / unsplash4เนื่องจากช่วยกักตัวอยู่แบบ จะต้อง Work from Home เราก็ถือโอกาสขยับแข้งขยับขาโดยการทำงานบ้านต่าง ๆ เช่น ซักผ้า ตากผ้า ล้างจาน ดูดฝุ่น ทำความสะอาดตามจุดต่าง ๆ หรือรวมถึงการย้ายเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เป็นการออกกำลังกายและเป็นการเปลี่ยนมุมทำงานของห้องอีกด้วยค่ะ5.) การนอนพักผ่อนให้เพียงพอเครดิตภาพ : unsplashมีการวิจัยออกมาว่าหากเรานอนดึกหรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เราเพิ่มความเสี่ยงที่ 'อ้วน' ได้ง่ายมากซึ่งจะส่งผลของฮอร์โมนเลปตินที่ควบคุมความอิ่มของอาหาร ทำให้ร่างกายเมื่อทานอะไรไปแล้วจะรู้สึกว่าไม่อิ่ม ดังนั้น หลังจาก Work from Home แล้วก็ต้องนอนให้เป็นเวลา เพื่อเป็นเสมือนการ Work Life Balance อีกด้วยค่ะก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ "ปัญหาโรคอ้วนกับการ Work From Home" พฤติกรรมอะไรที่จะทำให้เราเสี่ยงในการที่จะเกิดโรคอ้วนได้ในระหว่างการกักตัวทำงานที่บ้าน พร้อมทั้งแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาว่าสามารถทำอย่างไรได้บ้าง ถ้าเพื่อน ๆ ทำเป็นกิจวัตรก็จะส่งผลดีแก่เพื่อน ๆ อย่างแน่นอนค่ะ อย่าลืมใส่ใจในสุขภาพของตนเองและอย่าละเลยในการออกกำลังกายและทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพกันด้วยนะคะ Take Care #StaySafeStayHOME 🙂

PRINC ศูนย์เฉพาะทางโตต่อ เปิด Heart Center รับการขยายตัวต่างชาติ
อ่าน

PRINC ศูนย์เฉพาะทางโตต่อ เปิด Heart Center รับการขยายตัวต่างชาติ

#PRINC #ทันหุ้น - PRINC ครบรอบ 4 ปี เตรียมเพิ่มศูนย์เฉพาะทางที่หลากหลายควบคู่ขยายจำนวนโรงพยาบาล ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้าน โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ และบมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล กล่าวว่า รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ถือเป็นรพ.ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องปีละ 10-15% ผลจากการลงทุนขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางโรคยากซับซ้อน ทั้งด้านโรคหัวใจ โรคทางสมองและระบบประสาท โรคกระดูกและข้อ Heart-Brain-Bone นอกจากนี้ยังมีศูนย์เฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง ศูนย์ระบบประสาทและสมอง ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง ฯลฯ ด้วยงบลงทุน 150 ล้านบาท สำหรับการขับเคลื่อนตามแผน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้รับบริการที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในงานครบรอบ 4 ปี มีการเปิดตัวศูนย์หัวใจ (Heart Center) รองรับการขยายตัวของกลุ่มผู้รับบริการชาวไทย ทั้งพื้นที่สมุทรปราการ กรุงเทพตะวันออก รวมทั้งชาวต่างชาติ ทั้งจีน เมียนมา กัมพูชา ฯลฯ ที่เติบโตเช่นกัน ปี 2024 นี้ PRINC เร่งเครื่องการลงทุนด้วยการขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาล ควบคู่กับการขยายจำนวนโรงพยาบาลตามแผน พร้อมเสริมทัพผู้บริหารมืออาชีพสำหรับปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อดึงบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญมาร่วมงาน โดยเฉพาะ รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ที่ขยับขึ้นเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ระดับตติยภูมิ มีศูนย์เฉพาะทางกว่า 20 สาขา อีกทั้งยังเป็นต้นแบบโมเดลการบริหารจัดการโรงพยาบาลอย่างยั่งยืน Sustainable Hospital ดำเนินธุรกิจเพื่อดูแลชุมชนและสังคม ปัจจุบัน โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ มีบุคลากรทางการแพทย์มากกว่า 200 ชีวิต รวมถึงมีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางและคลินิกเฉพาะทางกว่า 20 สาขา ที่ให้บริการโรคยากซับซ้อน ได้แก่ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด, ผ่าตัดหัวใจ, การสวนหัวใจ (CAG), ศูนย์สมอง, มะเร็ง, กระดูกและข้อ ฯลฯ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนามาตรฐาน และคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเป็นต้นแบบด้านการบริหารจัดการขยะ ทั้งนโยบาย Zero Waste to Landfill เพื่อมุ่งสู่ NET ZERO ในปี 2049 อีกทั้งยังได้ดำเนินโครงการสถานีขยะล่องหน รวมพลังมหาชุมชน @ คุ้งบางกะเจ้า ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และร่วมในโครงการ Care The Whale ของ SET Social Impact Platform อีกด้วย.-

ประโยชน์จากการไป Work and Travel
อ่าน

ประโยชน์จากการไป Work and Travel

ผู้เขียนเชื่อว่า คงจะมีหลาย ๆ คน ที่อยากจะลองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยการสมัครไป   Work and Travel ที่ประเทศต่าง ๆ และหากคุณกำลังตัดสินใจว่าจะไปดีหรือไม่ ลองอ่านบทความนี้ดูนะคะ ผู้เขียนได้เรียบเรียงจากประสบการณ์ของคนที่เคยไป Work and Travel ที่ประเทศอเมริกา มาเล่าสู่กันฟัง โดยในบทความนี้จะมีการสรุปขั้นตอนการทำเอกสาร ไปจนถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการไป  Work And Travel ซึ่งประสบการณ์ในที่นี้มาจากน้องสาวคนสนิทของผู้เขียนเองค่ะภาพประกอบโดย https://pixabay.com/images/id-2373727/คุณสมบัติของผู้ที่จะสามารถสมัครไป Work And Travel  มีดังต่อไปนี้อายุระหว่าง 18-26 ปีสัญชาติไทย / ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีหรือโท ภาคปกติสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี / ไม่มีโรคประจำตัว หรืออาการเจ็บป่วยที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานภาพประกอบโดย https://pixabay.com/images/id-3196481/ขั้นตอนคร่าว ๆ ในการสมัครขั้นตอนแรกคือการหาบริษัท Agency ที่จะช่วยเราทำเอกสาร โดยจะต้องพิจารณาหาบริษัทที่ไว้ใจได้ และดูน่าเชื่อถือขั้นตอนต่อไปคือการสอบวัดความรู้ทางด้านภาษา ซึ่งไม่ได้ยากเท่าการสอบวัดระดับ Toeic แต่จะเป็นการวัดภาษาอังกฤษระดับพื้นฐาน ว่าเราสามารถพูดคุย โต้ตอบได้อย่างเข้าใจขั้นตอนขอ Visa ทางบริษัท Agency จะรวบรวมเอกสารให้เรา เพื่อไปยื่นขอ Visa จากนั้นเราก็มาลุ้นอีกทีว่าเอกสารจะผ่านหรือไม่ พอผ่านแล้วเราก็ไปสัมภาษณ์ที่สถานทูต หากเราผ่านขั้นตอนนี้ ก็เตรียมเก็บกระเป๋าเดินทางได้เลยภาพประกอบโดย https://pixabay.com/images/id-371230/น้องเจ้าของเรื่องได้ไปอยู่ที่รัฐ North Carolina  ซึ่งบ้านที่น้องได้เข้าไปอยู่นั้น เป็นบ้านหลังใหญ่สองชั้น เจ้าของบ้านเปิดเป็นร้านขายของที่ระลึกและขายอุปกรณ์เกี่ยวกับทะเล โดยบ้านหลังนี้จะมีเด็กหลาย ๆ ประเทศมาทำงานที่นี่ประมาณสัก 10 คน แต่น้องถือว่าโชคดี ที่ได้พักกับเด็กไทยอีกคนหนึ่ง จึงทำให้คุยกันรู้เรื่อง และมีอะไรก็พอช่วยเหลือกันได้ งานที่ร้านไม่ได้หนักเหมือนงานร้านอาหาร แต่ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากนิสัยของเพื่อนร่วมงาน ที่มาจากหลากหลายวัฒนธรรมมากกว่า เช่นเรื่องง่าย ๆ เเบบล้างจาน เด็กที่มาจากเอเชียมักจะโดนเด็กฝรั่งโยนให้ทำเสมอภาพประกอบโดย https://pixabay.com/images/id-1031538/ประโยชน์ที่ได้ภาษาอังกฤษพัฒนาขึ้น จากแค่พอฟัง พูด แบบสื่อสารได้ แต่น้องได้สำนวน และสามารถคุยโต้ตอบกับเจ้าของภาษาได้เป็นอย่างดี และสิ่งสำคัญที่น้องรู้สึกว่าตอนอยู่ที่ไทยไม่มีสิ่งนี้ก็คือ ความมั่นใจที่จะใช้ภาษาได้อย่างไม่เขินอาย ไม่ต้องเเคร์ว่าเราจะพูดถูกหรือไม่ เพราะไม่มีใครคอยจับผิด ขอเเค่เข้าใจกันก็พอ อีกสิ่งหนึ่งก็คือประสบการณ์ชีวิต ที่ไม่สามารถเรียนรู้ได้ที่ไหน มันคือทักษะการใช้ชีวิต เเละการเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่ยากลำบาก จากเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่เคยมีพ่อแม่คอยดูแลมาตลอด กลับต้องเดินทางไปไกลอีกซีกโลก และต้องไปอยู่กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก น้องเล่าว่าเมื่อก่อนทำอาหารเองไม่เป็นเลย ตอนนี้คือสามารถทำอาหารทานเองได้ ทำให้รู้คุณค่าของเงินว่าการหาเงินใช้เองนั้นยากลำบากเพียงใด จึงช่วยให้น้องเป็นคนวางเเผนใช้เงินมากขึ้น และได้ฝึกการเข้าสังคม ฝึกความอดทนอดกลั้น เเละรู้จักระงับอารมณ์โกรธ ทักษะเหล่านี้เป็นสิ่งที่เด็กทุกคนควรได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ถึงเเม้จะยากลำบาก หรือล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง ในยามที่ไม่มีพ่อเเม่คอยประคอง เเต่สิ่งเหล่านี้จะติดตัวไปตลอดชีวิต เเละช่วยให้เราเติบโตด้วยความเเข็งเเรงภาพหน้าปกโดย https://pixabay.com/images/id-2452181/

5 สิ่งต้องต่อสู้เมื่อทำ Work from Home
อ่าน

5 สิ่งต้องต่อสู้เมื่อทำ Work from Home

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่เพียงแต่ทำให้ทุกคนบนโลกนี้เกิดความตื่นตัวและตื่นตระหนก แต่ยังส่งผลให้คนทำงานเกิดจากการเปลี่ยนแปลง จากเดิมที่ต้องออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อเดินทางด้วยรถส่วนตัวหรือรถสาธารณะเพื่อไปทำงาน แต่ปัจจุบันหลายองค์กรได้เริ่มทยอยให้พนักงานลองทำงานแบบ Work from Home    การทำงานแบบ Work from Home มีทั้งข้อเสียและข้อดีแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ก่อนที่เราจะเริ่มทำ Work from Home เรามาดูกันว่า 5 สิ่งที่เราต้องต่อสู้ถ้าต้องทำ Work from Home มีอะไรกันบ้าง 1. ต่อสู้กับเตียงนอน การทำงานอยู่บ้านสิ่งที่ยากที่สุด คือ การลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่อขึ้นมาทำงาน ปกติเวลาที่เราต้องตื่นไปทำงานเราจะลุกขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก แต่การทำงานแบบ Work from Home เราจะบอกตัวเองว่าเดี๋ยวก็ได้ เดี๋ยวค่อยลุก ดังนั้น ถ้าจะทำงานแบบ Work from Home แล้ว เราต้องตั้งจิตตั้งใจตัวเองให้มั่นเลยว่าฉันต้องลุกมาทำงานเหมือนเวลาไปทำงานปกติ เพื่อให้การทำงานเป็นระบบและเราจะมีงานส่งได้ทันตามเวลาที่กำหนด ขอบคุณภาพ : https://bit.ly/397b0TW 2. ต่อสู้กับลูกน้อย สิ่งที่ยากรองลงมาสำหรับคนที่มีครอบครัวแล้ว คือ ลูกน้อย เราหยุดงาน ลูกก็หยุดเรียน เมื่อเด็ก ๆ อยู่บ้านบางครอบครัวมีคนช่วยเลี้ยงก็ดีไป แต่ครอบครัวที่ไม่มีคนช่วยเลี้ยงบางทีลูกก็จะเข้ามาหา บางทีเราทำงานอยู่ลูกก็ร้อง หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่จะทนได้อย่างไร แนวทางแก้ไขวิธีนี้ให้หาคนช่วยเลี้ยงถึงเวลาพักคุณค่อยเข้าไปอยู่กับลูก และถ้ามีห้องที่จัดเป็นสัดส่วนได้ควรแยกเป็นห้องทำงานเลย แต่หากไม่มีทั้งสองข้อนี้การเจรจากับลูกให้เข้าใจว่าต้องทำงานก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่เชื่อว่าการทำงาน Work from Home ทำให้คุณมีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้นแน่นอน ขอบคุณภาพ : https://bit.ly/395lH9j 3. ต่อสู้กับเสียงรบกวน อยู่ออฟฟิศก็มีเสียงรบกวนแต่อยู่บ้านเสียงรบกวนจะไม่ใช่เรื่องของงานหรือเสียงเม้าท์แบบที่เคยได้ยิน แต่เป็นเสียงพูดคุย เสียงร้องโวยวาย ที่อาจทำให้คุณเสียสมาธิทำงานได้ เมื่อเจอกับเสียงแบบนี้คุณต้องตั้งมั่นสมาธิสุดฤทธิ์  คิดเสียว่าเราต้องทำงานให้เสร็จและพยายามตัดเสียงรอบข้างให้ได้  4. ต่อสู้กับโซเชียล อยู่ออฟฟิศใช่ว่าจะไม่เปิดอยู่ออฟฟิศก็เปิด แต่อยู่บ้านจะเปิดมากกว่า ยิ่งไม่มีคนมาคุมด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ยิ่งต้องติดตามข่าวสารโควิด-19 ด้วยแล้วฉันต้องรู้ก่อนใคร วิธีง่าย ๆ ตั้งมั่นไว้เลยว่าทำงานเสร็จแล้วค่อยมาเปิดดูว่าความเคลื่อนไหว เพราะถ้าเปิดไปทำงานไปคุณจะสนใจโซเซียลมากกว่างาน ขอบคุณภาพ : https://bit.ly/3djz6Ol 5. ต่อสู้กับการไม่มีสมาธิ อันนี้สำคัญสุด เพราะการไม่มีสมาธิ คือ หนทางที่ให้คุณทำทั้ง 3 ข้อที่ผ่านมา พอเราไม่มีสมาธิเราจะคิดว่านอนหน่อยดีกว่า ไปเล่นกับลูกดีกว่า ไปดูโซเซียลดีกว่าเดี๋ยวสมาธิมาเอง  พอทำกิจกรรมทั้ง 3 ไปเรื่อย ๆ ดูนาฬิกาอีกทีหมดเวลางานแล้ว ยังไม่ได้ส่งงานเลย คุณก็ต้องมาทำงานตอนดึกหรือไม่ก็ส่งงานล่าช้า การทำงานแบบ Work from Home สิ่งสำคัญ คือ ควรส่งงานให้ทันกับเวลาที่กำหนดเพราะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณได้ทำงานจริง ๆ แม้การ Work from Home จะเป็นเรื่องใหม่สำหรับบ้านเรา แต่กำลังเป็นเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้อย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าการ Work from Home ครั้งนี้อาจจะทำให้องค์กรของคุณตัดสินใจให้ Work from Home ต่อกันไปเลยดีกว่า

10 Playlist เพลงที่เหมาะกับ Work From Home
อ่าน

10 Playlist เพลงที่เหมาะกับ Work From Home

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 นั้น ทำให้เราต้องอยู่บ้านมากขึ้น ต้อง Social distancing ตามนโยบายดูแลสังคมร่วมกัน และที่บริษัทเราก็ปรับเปลี่ยนแผนให้ทำงานที่บ้าน การต้องเว้นระยะห่างทางสังคม การที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ไวรัสแพร่ระบาดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นและไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน หลายคนอาจจะต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก ต้องอยู่ท่ามกลางความวิตกกังวล ความเครียดรุมเร้าจนทำให้ไม่มีความสุขในการทำงาน การได้ฟังเพลงโปรด จึงเป็นทางออกที่ผ่อนคลายสภาวะจิตใจที่ดีอีกทางหนึ่ง เรามาดู 10 Playlist เพลงที่เหมาะกับ Work From Home ของเราดีกว่าว่าจะเหมือนหรือแตกต่างกับของใครบ้างขอบคุณภาพประกอบ Whitney Houston1. The greatest love of allเพลงที่ฟังที่ไรแล้วก็รู้สึกดี มีความสุข ฟังไม่เคยเบื่อก็ต้องเริ่มต้นที่เสียงร้องของ Whitney Houston กับเพลงที่มีประวัติศาสตร์น่าจดจำอย่าง The greatest love of all เพลงนี้มีหลาย Version มาก แต่เราชอบ Version ของ Whitney เพราะเสน่ห์ของน้ำเสียงที่เกาะกินลึกลงไปสัมผัสก้นบึ้งของหัวใจจริง ๆ รวมถึงเนื้อหาของเพลงยังช่วยส่งพลังให้กับเราได้ดีมาก ๆ ท่อนที่บอกว่า "...I decided long ago, Never to walk in anyone's shadows, if I fail, if I succeed At least I'll live as I believe, No matter what they take from me, They can't take away my dignity...."  ฟังแล้วฮึกเหิม รู้สึกมั่นใจ พร้อมลุยกับการ Work From Home ทันทีขอบคุณภาพประกอบ barbra streisand2. Woman in loveเพลงที่ฟังทีไรก็ฟินแอนด์อินเลิฟทุกครั้ง จินตนาการล่องลอยกลับไปครั้งที่ยังเป็นวัยรุ่นวัยหวาน กับน้ำเสียงของ Barbra Streisand นักร้องในตำนานที่เป็นทั้งดาราและนักร้อง สมัยนั้นเพลงนี้ฮอตฮิตติดชาร์ต ร้องตามกันได้ทั้งบ้านทั้งเมืองโดยเฉพาะสาว ๆ เนื้อเพลงอาจจะออกแนวฝัน ๆ เพ้อ ๆ ละเมอหา พร้อมทุ่มเททำได้ทุกอย่างเพื่อความรัก จึงทำให้โดนใจใครหลายคน และโด่งดังทะลุกาลเวลา "...I am a woman in love, and I do anything to get you into my world, and hold you within, It's a right, I defend..."ขอบคุณภาพประกอบ billy joel3. Just the way you areนักร้องชายชาวอเมริกันกับเสียงที่สุดประทับใจ Billy Joel เจ้าของฉายา “เปียโนแมน” กับเพลง Just the way you are นั้นเป็นเพลงรักที่ฟังทีไรก็รู้สึกเป็นคำรักที่จริงใจ ตรงไปตรงมา และมีความหมายที่ดีงามมาก ๆ เป็นการแสดงออกถึงความต้องการที่จะรักใครสักคนที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่น " ...I don't want clever conversation, I never want to work that hard, I just want someone that I can talk to, I want you just the way you are...." เพลง Just The Way You Are เกือบถูก Billy Joel ตัดออกจากอัลบั้มตอนที่จะบันทึกเสียงไปแล้ว สุดท้ายก็ไม่โดนตัด และกลายมาเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเพลงแรกเขาเลยขอบคุณภาพประกอบ Josh Groban4. You raise me upทำงานภายใต้ภาวะวิกฤต นั่งเหงา ๆ อยู่คนเดียว ได้ฟังเพลงโปรดไปด้วย ทำงานไปด้วย ยิ่งหากได้ฟังเสียงของ Josh Groban กับเพลง You raise me up แล้วมันมีกำลังใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ในยามหมดกำลังใจ ไร้เรี่ยวแรง ปัญหามากมายทับถมกันเข้ามาจนภาระหัวใจหนักอึ้ง หากมีคนบอกเราว่าจะยืนอยู่ด้วยกันไม่หนีหายไปไหน เท่านี้ก็คงเพียงพอแล้ว  "...You raise me up, so I can stand on mountain, You raise me up to walk on stormy seas, I am strong when I am on your shoulders, You raise me up to more than I can be..."  เพลงนี้เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นหนึ่งในเพลงที่ถูกนำมา cover มากมาย หลายเวอร์ชั่น หลายภาษา  ขอบคุณภาพประกอบ Diana Ross5. When you tell me that you love meฟัง Version ที่ Diana Ross ร้องเพลงนี้ทีไร หัวใจก็ล่องลอยไปไกลทุกครั้ง เหมือนถูกสะกดจิตให้ตกอยู่ในภวังค์แห่งรัก โดยเฉพาะท่อนนี้ "...I'm shinning like a candle in the dark, When you tell me that you love me...."  มันได้ความรู้สึกหลากอารมณ์จริง ๆ และตั้งแต่ท่อนแรกของเพลงที่ขึ้นมา ก็พาให้เตลิดไปไหนต่อไหนได้แล้วเหมือนกัน  "...I want to call the stars down from the sky, I want to live a day that never dies, I want to change the world only for you, All the impossible I want to do..." ยิ่งฟังก็ยิ่งอิน รู้สึกทุกทีว่าคนแต่งราวกับมาเดินวนอยู่ในใจเราเลย เมื่อเพลงนี้มาเจอกับเสียงของ Diana Ross ยิ่งเป็นอะไรที่ลงตัวเป็นอย่างมากเลยขอบคุณภาพประกอบ bryan adam6. Everything I do, I do it for youRobin Hood ภาพยนตร์ที่โด่งดัง พร้อมเพลงประกอบที่ยอดเยี่ยม กับเสียงแหบเสน่ห์ชวนหลงเพ้อละเมอหาของ Bryan Adams แทบจำไม่ได้แล้วว่าตกหลุมรัก Bryan Adams ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพลงทุกเพลง ไม่ว่าจะเป็น Please forgive me, Have you ever really love me, All for love และอีกหลาย ๆ เพลงนั้นพูดถึงได้ไม่มีวันเบื่อ โดยเฉพาะเพลง Everything I do, I do it for you เพลงนี้มันจับใจซะเหลือเกิน โดนใจตั้งแต่อินโทร จนถึงเนื้อเพลงท่อนแรก "....Look into my eyes, You will see, What you mean to me, Search your heart, Search your soul and when you fine me there, You'll search no more..." ฟังเพลงนี้ทีไร จะรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจทุกครั้งเลย ยิ่งพอมาท่อนนี้ด้วยแล้ว เหมือนเอาตัวเองเข้าไปเป็นคน ๆ นั้นกันเลย "...Don't tell me it's not worth fightin' for, I can't help it, there's nothin' I want more, You know it's true, Everything I do, I do it for you..."ขอบคุณภาพประกอบ way back into love7. Way back into loveเวลาคิดถึง Hugh Grant ทีไรก็อารมณ์ดีทุกที ผู้ชายอะไรมีเสน่ห์เอามาก ๆ แถมยังร้องเพลงเพราะอีกต่างหาก หลายคนที่เคยดู Nothing Hill ก็คงคิดเหมือนกับเรา แต่เพลง Way back into love นั้นเป็นเพลงที่โด่งดังมาจากหนังที่มีชื่อเรื่องว่า Music and lyrics เป็นเพลงคู่ ที่ทำให้ชีวิตดูสดใส หวานฉ่ำ ทั้งที่จริง ๆ นั้นเนื้อหาของเพลงจะออกเศร้า ๆ และไขว่คว้ามองหาความสุขสมหวัง ยกตัวอย่างในเนื้อเพลงท่อนนี้ "...I've been watching but the stars refuse to shine, I've been searching but I just don't see the signs, I know that it's out there, There's got to be something for my soul somewhere....."ขอบคุณภาพประกอบ M2M8. The day you went awayเสียงร้องใส ๆ น่ารัก กับวง M2M นักร้องสาวชาวนอร์เวย์ ที่สร้างปรากฎการณ์ดังไปทั่วโลก ทั้งเพลง Pretty boy, Mirror Mirror และเพลงนี้ The day you went away ที่สะท้อนความรักของวัยหนุ่มสาวที่เลิกรากันไปเพราะไปมีคนใหม่ ถึงแม้เนื้อเพลงจะเศร้า แต่ M2M กับท่วงทำนองและเสียงร้องที่น่ารัก ทำให้ความรักเศร้า ๆ เหงา ๆ ดูเบาลงไปเลย ถึงจะมีเนื้อร้องหนัก ๆ ขนาดนี้ "...So sad but true, for me there's only you, Been crying since the day, the day you went away..." เนื้อเพลงยังบอกเล่าถึงความทรงจำ ในวันที่เคยมีความสุขกับความรัก แต่ก็ทำได้เพียงแค่ตอกย้ำว่าความรักและเธอได้จากไปแล้ว ไม่มีอีกแล้ว อารมณ์เศร้าประมาณนี้ แต่ฟังเพลงนี้ทีไรกลับรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆขอบคุณภาพประกอบ Jason Mraz9. I'm yoursแนวเพลงป๊อบ อะคูสติก ที่มีจังหวะและทำนองน่ารักมาก ลีลาการร้องที่มีเอกลักษณ์ กับนักร้องหนุ่มชาวอเมริกัน Jason Mraz ที่มีสไตล์ผสมระหว่างป๊อบกับฮิปฮอปที่ลงตัวพอดี เนื้อหาก็พูดถึงความรู้สึก ความรัก ฟังแล้วก็อารมณ์ดี เพราะเสน่ห์จากเสียงร้องและจังหวะของดนตรี แต่ก็อดจะประทับใจบางท่อนไม่ได้ "...Before the cool done run out, I'll be giving it my best-est, And nothing's going to stop me but divine intervention, I reckon it's again my turn, To win some or learn some ...." ฟังไปทำงานไปกับเพลงนี้ ช่วยให้อารมณ์กระฉับกระเฉงขึ้นมามากจริง ๆขอบคุณภาพประกอบ beegees10. How deep is your loveนึกถึง Bee Gees เราแทบบอกไม่ได้เลยว่าเพลงไหนกันแน่ ที่เป็นเพลงดังเพลงฮิตของวงดนตรีวงนี้ เพราะมันมีมากมายไปหมด แต่เพลงที่ยังคงร่วมสมัยได้รับความนิยมต่อเนื่องไม่ว่ารุ่น Baby Boomer, Gen X, Gen Y ต่างก็รู้จักและรักเพลงนี้กันแทบทุกคน เพราะเป็นเพลงที่นุ่มนวลชวนฟัง ดูเรียบง่าย แต่ความหมายนั้นงดงามเหลือเกิน "....How deep is your love? I really mean to learn, Cause we're living in a world of fools breaking us down, When they all should let us be, We belong to you and me ...." เนื้อหาเพลงสะท้อนความรู้สึกอยากจะเรียนรู้ว่าความรักเป็นอย่างไร ทั้งในช่วงเวลาที่ดีที่สุด หรือช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุด ความรักยังลึกซึ้งจริงใจต่อกันเพียงไหน ท่ามกลางแดดยามเช้า สายฝนโปรยปราย และสายสัมพันธ์แห่งสองเราในช่วงเวลาที่ทุกคนต้องปรับชีวิตใหม่ เพราะสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโรนากลายเป็นเรื่องใกล้ตัว และไม่สามารถคาดการณ์ได้ การดูแลตัวเองที่ดีที่สุดก็คือการใส่ใจ มีวินัย ล้างมือด้วยน้ำสะอาด และสบู่ ใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกต้องตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค สิ่งเหล่านี้เป็นการดูแลสุขภาพของร่างกาย แต่สำหรับสุขภาพทางด้านจิตใจนั้น เราก็ต้องคอยดูแลเสริมสร้างกำลังใจให้มากด้วยเช่นกัน การได้ฟังเพลงโปรด เพลงที่ชอบในสถานการณ์เช่นนี้ ก็จะช่วยให้หัวใจเราผ่อนคลายได้ดียิ่งขึ้น วันที่เราหลาย ๆ คนต้องทำงานอยู่กับบ้าน ปรับวิธีการเป็นการทำงานแบบ Work From Home ก็เพื่อที่จะลดความเสี่ยงให้กับตัวเราเองและสังคม เพื่อที่เราทุกคนจะก้าวผ่านวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน ขอบคุณภาพปก Dan Farrell / unsplash  + Kiyun Lee / unsplash      

Samsung บุกตลาดลูกค้าองค์กรด้วย Galaxy for Work นำเสนออุปกรณ์และโซลูชันช่วยธุรกิจ
อ่าน

Samsung บุกตลาดลูกค้าองค์กรด้วย Galaxy for Work นำเสนออุปกรณ์และโซลูชันช่วยธุรกิจ

29 กุมภาพันธ์ 2567 ซัมซุง (Samsung) บุกตลาดลูกค้าองค์กรด้วย Galaxy for Work ยกระดับการทำงานด้วยผลิตภัณฑ์ด้วยไลน์อัพ Galaxy Enterprise Edition และ Galaxy Rugged Series พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ Galaxy Tab Active5 และ Galaxy XCover7 ชี้จุดเด่น ปลอดภัย หลากหลาย และทันสมัย มุ่งสร้าง B2B (Business-to-Business คือการทำการค้าระหว่างธุรกิจทำกับธุรกิจด้วยกัน) อีโคซิสเต็มอย่างยั่งยืนปัจจุบันการทำงานในยุคดิจิทัลก็ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง องค์กรจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยน ทั้งการติดต่อสื่อสาร ความเป็นส่วนตัว และข้อมูลความปลอดภัยที่มากยิ่งขึ้น ผลการสำรวจจากซัมซุงเผยว่า องค์กรสมัยใหม่จะมีลักษณะ flexible workplace หรือการทำงานที่ยืดหยุ่นโดยไม่จำกัดเรื่องสถานที่ โดย 82% ขององค์กรมีการใช้นโยบายนี้ส่วนอีก 13% กำลังเตรียมใช้นโยบายนี้ในอีกไม่เกิน 1 ปีข้างหน้า ดังนั้นอุปกรณ์ในการทำงานต้องมีประสิทธิภาพและช่วยให้การทำงานจากนอกออฟฟิศมีประสิทธิภาพเต็มที่ โดย 89% ของพนักงานให้ความเห็นว่าอุปกรณ์สื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานซัมซุงเขาใจการเปลี่ยนแปลงจุดนี้จึงเตรียมบุกตลาดลูกค้าองค์กรเต็มกำลังด้วย Galaxy for Work ที่มีทั้งดีไวซ์ โซลูชันและการบริการที่พัฒนาขึ้นเพื่อลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะ โดยในปีนี้เป็นปีแรกที่ซัมซุงมีไลน์อัปผลิตภัณฑ์ครบทุกระดับตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นแฟลกชิป ทั้งGalaxy Enterprise Edition ซึ่งเป็นสมาร์ทดีไวซ์ที่เหมาะกับการใช้งานในองค์กรโดยเฉพาะ และGalaxy Rugged Series ที่เหมาะสำหรับการใช้งานภาคสนามที่มีความสมบุกสมบันGalaxy Enterprise Edition ประกอบด้วย Galaxy S23 FE EE, Galaxy A15 EE, Galaxy Tab A9 EE, Galaxy Tab S9 FE EE ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนององค์กรในภาคธุรกิจที่หลากหลายGalaxy Rugged Series ประกอบด้วย Galaxy XCover6 PRO, Galaxy Tab Active4 PRO รวมถึงรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ ได้แก่ Galaxy XCover7 และ Galaxy Tab Active5 ซึ่งเหมาะกับการทำงานที่มีความท้าทายและความเสี่ยงสูง โดยอุปกรณ์ซีรีส์นี้จะตอบโจทย์ในด้านความทนทาน ความต่อเนื่องในการใช้งาน และความปลอดภัยจากผลสำรวจพบว่าตลาดของอุปกรณ์ Rugged ทั่วโลกเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยปี 2023 มีมูลค่าตลาดราว 4,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.76 แสนล้านบาท โดยจะเติบโตเป็น 6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.41 แสนล้านบาท หรือเติบโตราว 7.8% ในปี 2027 โดยความนิยมใช้งานจะอยู่ที่ธุกิจขนส่ง ภาคอุตสาหกรรมและรีเทลตามลำดับGalaxy Tab Active5 เปิดตัวราคาเริ่มต้น21,900 บาทสมาร์ทดีไวซ์ที่มีความทนทาน เหมาะกับการทำงานในสภาวะที่สมบุกสมบัน มีแบตเตอรี่ความจุถึง 5,050 mAh ที่สามารถเปลี่ยนได้อย่างง่าย และรองรับโหมด No Battery สำหรับการใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่อแบตเตอรี่เสริม มีปากกา S Pen ใช้งานได้หลากหลายสะดวกยิ่งขึ้นGalaxy XCover7 เปิดตัวราคาเริ่มต้น 10,900 บาท สมาร์ทดีไวซ์ที่รองรับการใช้งานที่หลากหลายด้วยระบบ Touch sensitivity เพิ่มความไวต่อการตอบสนองของหน้าจอสัมผัส เพื่อให้สามารถใช้งานได้ด้วยถุงมือทำงาน และยังรองรับการสัมผัสเมื่ออุปกรณ์เปียกหรือมีความชื้น และใช้กระจก Corning Gorilla Glass Victus+ ที่ป้องกันจากการสึกกร่อนและการถูกทำลาย โดยรุ่นนี้มีหน้าจอการแสดงผลที่มีความตื่นตาตื่นใจมากขึ้น ทั้งขนาดที่ใหญ่ขึ้น สว่างขึ้น และมีความละเอียดสูง ช่วยให้หน้าจอชัดเจนมากขึ้นและสะดวกสบายเมื่อทำงานในภาคสนาม และมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุถึง 4,050 mAh ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน และเมื่อแบตเตอรี่หมดยังสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการชาร์จโดยทั้ง Galaxy Tab Active5 และ Galaxy XCover7 ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน IP68* สามารถกันน้ำ กันฝุ่นได้ และได้รับ Military certified (MIL-STD-810G) ทั้งผ่านการทดสอบการ Drop test โดยทนทานถึงระยะการตก 1.5 เมตร Galaxy Rugged Series ทุกรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6 ซึ่งช่วยให้เชื่อมต่อ อัปโหลด และดาวน์โหลดไฟล์งานทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วเมื่อทำงานในภาคสนาม และยังสามารถมั่นใจในความปลอดภัยด้วยSamsung Knox Suiteแพลตฟอร์มความปลอดภัย ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถจัดการอุปกรณ์และปกป้องความปลอดภัยได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ Samsung Knox จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะได้รับการปกป้อง นอกจากนี้ซัมซุงร่วมกับ Android เพื่อรักษาความปลอดภัยในระยะยาว พร้อมติดตามและแก้ไขปัญหาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับการอัปเดตด้านความปลอดภัยสูงสุด 5 ปี และอัปเกรดระบบปฏิบัติการได้ถึง 4 ครั้ง เพื่อให้องค์กรมั่นใจในการใช้งานอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ซัมซุงมั่นใจว่าGalaxy for Work จะสามารถผลักดันธุรกิจสมาร์ทดีไวซ์เพื่อลูกค้าองค์กรให้เติบโตถึง 20% ภายในสิ้นปี 2024ที่มาข้อมูลและรูปภาพ หมายข่าวประชาสัมพันธ์จาก ซัมซุง ประเทศไทย

หุ้นสื่อสารรับอานิสงส์ Work From Home
อ่าน

หุ้นสื่อสารรับอานิสงส์ Work From Home

วันนี้ (2 เม.ย.63) จากนโยบาย Work From Home เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 จะช่วยหนุนรายได้ธุรกิจอินเตอร์เนตความเร็วสูง ในหุ้นกลุ่มสื่อสาร ล่าสุด กสทช. เปิดเผยว่า ข้อมูลการใช้ดาต้าผ่านโทรศัพท์มือของคนไทยในช่วงเดือน มีนาคมที่ผ่านมา รวบรวมจากผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่าย มียอดรวม 795,236 เทราไบท์ เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 11.14% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ "เอไอเอส" มียอดใช้งาน 402,000 เทราไบท์ หรือเพิ่มขึ้น 12.29% ด้าน "ทรูมูฟ" บริษัทในกลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น ที่มียอดใช้งาน 330,000 เทเลไบท์ เพิ่มขึ้น 10% ส่วน "ดีแทคไตรเน็ต" บริษัทในกลุ่มโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น มียอดใช้งานที่ 63,236 เทราไบท์ เพิ่มขึ้น 9.95% ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป มองว่านโยบาย Work From Home ช่วยหนุนรายได้ธุรกิจอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มขึ้น แต่อาจไม่มากนัก เพราะคิดเป็น 5% ของรายได้หลัก โดยคาดการณ์กำไรไตรมาสแรกของปีนี้ หุ้น ADVANCไว้ที่ 7,542 ล้านบาท ลดลงเพียงเล็กน้อย 0.4%เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โตขึ้น 6.8% ประเมินราคาพื้นฐานหุ้น ADVANC ไว้ที่ 323 บาท ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า มองว่าหุ้น TRUE เป็นหุ้นที่รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 น้อย ในขณะที่มีจำนวนผู้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในอุตสาหกรรม โดยมองราคาเป้าหมายไว้ที่ 4.90 บาท และช่วงที่ผ่านมาราคาก็ปรับตัวลงมาเยอะ ซื้อขายกันที่ 0.8 เท่าของมูลค่าตามบัญชี ซึ่งหากมองสัญญาณทางเทคนิคดูดี เช่นเดียวกับหลักทรัพย์กิมเองที่มองว่าทางเทคนิคมีสัญญาณการฟื้นตัว ล่าสุด TRUE ก็ยังมีแผนซื้อหุ้นคืนภายในวงเงิน 1,500 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อคืนตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน ถึง 13 ตุลาคมนี้ ส่วนหุ้น DTAC ทางบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า มองแม้ไม่โดดเด่น แต่ก็ยังอยู่ได้ ประเมินราคาที่เหมาะสมไว้ที่ 55 บาท สำหรับการใช้ดาต้าผ่านมือถือเดือนมีนาคม บริษัทยอดใช้งาน(เทราไบท์)เพิ่มขึ้น AIS402,00012.29% TRUE 330,00010% DTAC 63,2369.95% โบรกเกอร์ราคาที่เหมาะสม AISบล.ฟิลลิป323 TRUEบล.หยวนต้า4.90 DTAC บล.หยวนต้า55 เกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNThailand.comfacebook : TNNThailandtwitter : @TNNThailandLine : @TNNThailandYoutube Official : TNNThailand

เครื่องบินโดยสารพลังไฮบริดจาก Heart Aerospace เตรียมเปิดตัวปี 2028
อ่าน

เครื่องบินโดยสารพลังไฮบริดจาก Heart Aerospace เตรียมเปิดตัวปี 2028

ไม่แน่ว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินในอนาคตอันใกล้ อาจจะขยับเข้าสู่ยุคที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดได้มากขึ้น เมื่อบริษัทผู้พัฒนาอากาศยานสัญชาติสวีเดน ฮาร์ต แอโรสเปซ (Heart Aerospace) เดินหน้าพัฒนาเครื่องบินโดยสารพลังไฮบริด ที่เคลมว่าให้ระยะการบินไกล 200 กิโลเมตรภาพจาก Heart Aerospaceปัจจุบันนี้ บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเครื่องบินต้นแบบรุ่น อีเอส-สามศูนย์ (ES-30) ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารระยะสั้น ที่มีขนาดปีกกว้าง 32 เมตร และภายในสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 30 คนส่วนจุดเด่นของเครื่องบินรุ่นนี้ อยู่ที่ระบบขับเคลื่อนแบบ ไฮบริด หรือการติดตั้งระบบที่สามารถบินได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และพลังงานจากเครื่องยนต์สันดาปโดยตัวเครื่องจะใช้ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เพื่อการบินในระยะทางใกล้ ๆ และจะใช้ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฮบริด ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าร่วมด้วย เพื่อเพิ่มระยะทางในการบินให้ไกลขึ้นภาพจาก Heart Aerospaceซึ่งด้วยระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดนี้ ทางบริษัทเคลมว่าเครื่องบินจะให้พิสัยการบินด้วยพลังงานไฟฟ้าไกลถึง 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้า 30 นาที หรือบินแบบระบบไฮบริดได้ไกลถึง 400 กิโลเมตรสำหรับข้อดีที่น่าสนใจ ของการใช้งานเครื่องบินโดยสารรุ่นนี้ คล้ายกันกับการใช้งานเครื่องบินโดยสารไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ก็คือเรื่องของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยกว่าเครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปแบบเดิม ๆ และยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน รวมถึงต้นทุนในการบำรุงรักษาอีกด้วยภาพจาก Heart Aerospaceนอกจากนี้บริษัทยังระบุอีกว่า ตัวเครื่องบินยังใช้พื้นที่รันเวย์น้อย โดยสามารถใช้รันเวย์ระยะสั้น 1,100 เมตร ซึ่งด้วยคุณสมบัตินี้ ก็จะทำให้เครื่องบินสามารถใช้งานรันเวย์ของสนามบินในเขตท้องถิ่นโดยปัจจุบันบริษัทยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเครื่องบิน และได้มีการระดมทุนเพื่อการพัฒนาจำนวน 145 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5,200 ล้านบาท โดยมีคำสั่งซื้อเครื่องบินแล้วกว่า 250 ลำ ซึ่งคาดว่าจะสามารถขอรับรองการบินได้ ภายในปี 2028 นี้ข้อมูลจากnewatlas,flightglobal

Work from home สู่ Work life balance เกิดขึ้นได้จริงไหม ทำได้ไหม ?
อ่าน

Work from home สู่ Work life balance เกิดขึ้นได้จริงไหม ทำได้ไหม ?

Work from home สู่ Work life balance เกิดขึ้นได้จริงไหม ทำได้ไหม ? ถือเป็นอีกครั้งในชีวิตที่หลายคนร่วมทั้งตัวผู้เขียนได้ Work from home แต่ครั้งนี้แตกต่างกว่าครั้งแรกมาก ตรงที่การทำงานที่บ้านในครั้งที่ผ่านมา เป็นการทำงานที่ควบคู่ไปกับการดูแลแม่ที่ป่วยเป็น Stroke หรือโรคหลอดเลือดสมอง จนเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก กว่าแม่จะฟื้นตัวก็ราวเกือบ 2 ปีได้ แต่พอมาปลายเดือนมีนาคมปี 2019 โรคระบาด COVID-19 เปลี่ยนชีวิตของทุกคนให้ต้องอยู่ในกฎ กติกาของสังคมที่บอกให้ต้องกักตัวอยู่บ้าน (แถมบางคนอยู่บ้านคนเดียว) จากเดิมที่เคยใช้ชีวิตตื่นเช้า นั่งรถเมล์ไปทำงาน วันหยุดออกไปนั่งร้านกาแฟ อ่านหนังสือสักเล่ม หรือพบปะกลุ่มคนคุ้นเคย เพื่อเติมมุมมองและแรงบันดาลใจดี ๆ ให้ชีวิต กลายเป็นว่าโรคระบาดทำให้ต้องเปลี่ยนการใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ จากที่ทำงานที่ Office เปลี่ยนทำงานที่บ้าน หรือจากที่ไปร้านหนังสือ เปลี่ยนซื้อหนังสือผ่านออนไลน์ อะไรที่ต้องออกจากบ้าน ก็ต้องเปลี่ยนมาทำทุกอย่างที่บ้านแทนเกือบทั้งหมด และการออกแบบชีวิตในแต่ละวันซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะกินระยะเวลายาวนานขนาดไหน จะน่าเบื่อแค่ไหน รอลุ้น ภาวนาสารพัดว่าขอให้สถานการณ์กลับมาปกติ จะได้เที่ยวเล่นสักที กลับกันความคิดของการ balance ชีวิตของตัวเอง รวมถึงสมาชิกตัวน้อยสี่ขา ไปจนถึงการ balance ความรู้สึก ผุดขึ้นมา ซึ่งมันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับทุกคน รวมถึงตัวของผู้เขียนด้วย ด้วยโรคโควิดระบาดหนัก ติดง่าย ติดรวดเร็ว สร้างความกังวล ความเครียดต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคเครียด โรคเนือย ๆ ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ความกลัวเรื่องการขาดยา ขาดตอน ขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากวายร้ายอย่างโควิดทำให้ต้องระมัดระวังอย่างรัดกุมมากยิ่งขึ้น และหากหาวิธีจัดการความเครีดย หรือสลัดไม่หลุดพ้นก็ยิ่งทำให้จมดิ่งในหลุมลึก ๆ ที่กว่าจะปีนขึ้นจากหลุม กว่าจะหลุดพ้น กว่าจะก้าวผ่านความเจ็บปวดที่อธิบายให้ใครเข้าใจมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นี่จึงเป็นความกังวลอันดับต้น ๆ ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติของใครหลายคนรวมทั้งตัวผู้เขียน แต่หากลองนั่งทบทวนในแง่ดี ถือว่ายังมีความโชคดีที่โควิดทำให้ทุกคนปรับตัวไปพร้อมกัน เพื่อเกื้อกูลช่วยเหลือกันและกัน เช่น ลดการเดินทางไปหาหมอ ก็สามารถรับยาทางไปรษณีย์ได้ สิ่งสำคัญคือการพร้อมรับความจริง รับมือ เข้าใจ ปรับมุมมองชีวิตกับสถานการณ์โควิดที่ต้องเผชิญไปตลอด การออกแบบการใช้ชีวิตให้มีความสุข และเรียบง่ายที่สุดจึงเป็นความคิดอันดับต้น ๆ ที่ทุกคนต้องหาให้เจอ "อย่ากังวล อย่ากลัวอะไรทั้งนั้น ทำนาทีนี้ ปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุด มีความสุขที่สุดก็พอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกข์แค่ไหน เราก็จะผ่านไปได้ ยิ้มเยอะ ๆ ถ้ายิ้มไหว ถ้าวันไหนไม่ไหว ก็หน้าบึ้งบ้างก็ได้ ไม่เป็นไรเลย แต่ต้องกลับมายิ้มให้ได้" คุณเชื่อมั้ยว่า สถานการณ์โควิดที่เราคิดว่ามันเลวร้ายในครั้งนี้กลับเข้ามาเปลี่ยนชีวิตที่ส่งผลในแง่ดีต่อตัวเองให้รับมือกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างมาก และหวังว่าทุกคนจะได้ออกแบบชีวิตให้สมดุล 1.---คุณลองมองย้อนกลับไปในอดีตของการใช้ชีวิตเป็นอย่างไร ผู้เขียนขอยกตัวอย่างของตัวเองเมื่อครั้ง Work from home ในครั้งก่อนที่ต้องดูแลแม่ที่ป่วยไปด้วย จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยในการปรับตัวใช้ชีวิต แต่สิ่งสำคัญที่คุณต้อง balance การทำงานให้ดี คือ คุณต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเองและมีวินัยในเรื่องเวลาให้มากที่สุด และต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่า การมีงานทำย่อมดีกว่าไม่มีแน่นอน เพราะหากใครเคยผ่านการตกงานจนไม่มีเงินใช้ จะเข้าใจในภาวะแบบนั้นได้อย่างดี เพราะคุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า โอกาสที่เราจะได้งานใหม่ทำอีกครั้งนั้นมันจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ 2.---เมื่อคุณจัดลำดับเวลาการทำงานได้ดี หรือที่เรียกว่าการทำ To Do list คุณจะมีเวลาคุณภาพเพื่อทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งผู้เขียนได้ใช้เวลาในการแบ่งปันความสุขเล็ก ๆ เพื่อคนอื่น โดยเฉพาะการดูแลสัตว์เลี้ยงที่รัก ไปจนถึงการหยิบยื่นความช่วยเหลือแมว หมาจรจัด ที่เขาก็ได้รับผลกระทบในสถานการณ์เลวร้ายนี้เช่นกัน สัตว์บางตัวจากเดิมมีคนดูแล กลายเป็นเขาก็ต้องปรับชีวิตเพื่อความอยู่รอด ต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง และนี่คือ ความจริงที่สะท้อนให้ได้เห็นว่า "ไม่ได้มีเราคนเดียวที่โดดเดี่ยว" และยังให้โอกาสตัวเองได้เลือกที่จะให้ตัวเองได้รู้จักให้ ได้รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อมีโอกาส แม้ว่าโอกาสนั้นจะเล็กน้อยน้อยนิดก็ตาม สิ่งที่ได้ทำ มันทำให้ยิ้ม เข้าใจการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมากขึ้นได้ 3.---นอกจากสองข้อแรก เรายังสามารถแบ่งเวลาส่วนเล็ก ๆ ทำสิ่งที่เราเคยมีความคิดว่า...ไม่น่าจะทำได้, เราทำไม่ได้หรอก, มันไม่สนุกแน่ ๆ นั่นคือ มีงานอดิเรกหลากหลายให้ทำมากขึ้น ยกตัวอย่าง ได้ใช้เวลาวาดรูปสะท้อนชีวิตตัวเอง ได้ปักผ้า ทำอาหารเอง ออกกำลังกาย และปลูกต้นไม้ ทุกสิ่งที่ได้เริ่มต้นลงมือทำเข้ามาเปลี่ยนมุมมองของชีวิต ความรู้สึกให้ดีขึ้น ง่ายขึ้น ลดความซับซ้อน ลดความกังวลไปก่อน อยู่กับปัจจุบันได้อย่างเข้าใจ และนี่คือการค้นพบวิธีการปรับชีวิตของตัวเอง แล้วคุณละ โควิดเปลี่ยนชีวิตคุณอย่างไร ?และคุณออกแบบชีวิตอย่างที่คุณต้องการได้หรือไม่ ?คุณ Work from home สู่ Work life balance เกิดขึ้นได้จริงแล้วหรือยัง ? ถ้ายังมาเริ่มต้น balance เวลาคุณภาพ แล้วออกแบบชีวิตของตัวคุณเองให้มีความสุขในแต่ละวันกันนะ รู้ว่าโควิดมันน่ากลัว ทำให้เครียด แต่ก็ต้องยิ้มให้ได้ :) ในครั้งหน้าจะมาคุย Better Relationship : คุณเหลือใครในชีวิตบ้าง ? ฝากติดตามได้ที่นี่ TrueID กันนะ -------------------- เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณคลิกเลย!! รู้ทันกันโควิด หรือกด*301*35# โทรออก

10 เพลงชิลล์ๆ  ฟังเพลินสำหรับWork From Home
อ่าน

10 เพลงชิลล์ๆ ฟังเพลินสำหรับWork From Home

          ช่วงโควิดแบบนี้หลายๆคนคงเบื่อกับการ Work From Home ที่หนักหน่วงไม่แพ้การทำงานในออฟฟิซและไหนจะต้องกักตัว  ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะสะดวกเท่าไหร่นัก วันนี้ OnTheWay เลยมีเพลย์ลิสต์เพลงเพราะๆ ชิลล์ๆ หลากหลายสไตล์ ยิ่งฟังยิ่งเพลินมาฝากชาวทรูไอดีกัน จะมีเพลงอะไรบ้างนั้นเราไปดูเพลย์ลิสต์กันเล้ยยย( ขอบคุณภาพจาก Eren Li / pexels.com )เพลงแรกStay ของ BLACKPINK เพลงของวงเคปอปที่โด่งดังสุดๆในเวลานี้ จังหวะและทำนองที่อบอุ่นจะทำให้คุณเคลิ้มกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในช่วงฤดุหนาวที่ผู้คนมาร้องเพลงกันรอบๆกองไฟเพื่อคลายความหนาวเหน็บ ชาวบลิ้งค์ฟังแล้วคงซึ้งกับความหมายที่แฝงอยู่ในเพลง  เพลงนี้แตกต่างไปจากหลายๆเพลงของแบล็กพิงก์ที่สายแดนซ์มักจะชอบนำไปโคฟเวอร์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ( ขอบคุณภาพจาก  BLACKPINK / facebook )เพลงที่สอง Some ของ Bolbbangal4 เสียงร้องเอกลักษณ์ที่ฟังแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ เพลงนี้เหมาะกับโมเม้นท์หวานๆ คนมีความรักคงฟินสุดๆ   ส่วนคนโสดก็คงชอบเหมือนกัน น่ารักๆสไตล์เกาหลีที่ใครๆก็ชอบในความปุ๊กปิ๊ก ใครจะใช้เป็นเพลงในคลิปวิดีโอTikTokก็เหมาะเหม็งมากๆเลยล่ะ ใครที่เป็นสายเกายิ่งชอบมากแน่ๆ ส่วนเพลงที่สามเป็นเพลง Everlasting ของ Albert Posis ความหมายดี๊ดี ฟังแล้วแอบเขินเลยยย    คงต้องหาหมอนมาจิกแล้ววว  เพลงนี้หวานไม่ไหว ใครจะส่งเพลงนี้ไปให้คนที่แอบชอบเพื่อสื่อความในใจก็คงสื่อออกมาได้ดีมากๆ แต่อย่าเผลอส่งเข้าผิดแชทล่ะ  เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะเข้าใจผิดได้  หรือใครจะฟังชิลล์ๆแบบ Make My Dayก็ได้นะ      เพลงที่ 4 Night Changes ของวงบอยแบนด์ในตำนานอย่าง ONE DIRECTION ฟังเมื่อไรก็เพราะตลอด     เชื่อว่ายังคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆคน  เพลงนี้สื่อความหมายได้ดีมากๆเกี่ยวกับช่วงเวลาวัยรุ่นที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วและช่วงเวลาที่เราไล่ตามความฝันและความรัก สมาชิกในวงแต่ละคนถ่ายทอดออกมาได้ตรงความรู้สึกมากๆสมกับที่เป็นตำนาน  เพลงอื่นๆของวงนี้ยังมีอีกหลายเพลงที่ฟังแบบชิลล์ได้( ขอบคุณภาพจาก OneDirection / facebook ) เพลงที่ 5 ใครหลายคนคงคุ้นหูกันเป็นอย่างดี นั่นคือเพลง I like me better ของ LAUV   ที่มาในสไตล์อิเล็คโทรนิคป๊อปที่ฉายภาพของความสัมพันธ์ของคุ่รักในมหานครนิวยอร์ก   เพลงนี้ฮิตติดหูมากๆไม่ว่าจะในไทยหรือต่างประเทศ   ฟังแล้วจะเต้นตามหรือฟังไปทำงานไปก็เพลินทั้งนั้น จังหวะที่เย้ายวนและพลังบวกของเพลงชวนให้ออกมาขยับเขยื้อนร่างกายเหมาะกับใครเมื่อยล้าหรือเป็นออฟฟิซซินโดมที่แท้ทรู    มาต่อกันที่เพลงที่ 6 เลย เพลงนี้ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง  เราก็คงคุ้นๆกันอย่างดี วาฬเกยตื้น ของ GUNGUN   ดูจากชื่อเพลงแล้วหลายๆคนคงงงๆกันอยู่ว่าเป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร   แต่ที่แน่ๆคงเป็นเพลงทีชิลล์   เด็กเล็กหรือวัยรุ่นคงจำเนื้อเพลงนี้ได้แม่น  ช่วงที่ฮอตฮิตมากๆจะไปที่ไหนก็ได้ยินคนเปิดเพลงนี้ตลอด  เนื้อเพลงจะตะมุตะมิน่ารักๆ   ฟังแล้วสดใสสดชื่นหัวใจ  ถ้าใครที่อยากรู้ว่าเพลงนี้จะเป็นยังไงก็หาฟังได้ง่ายๆ( ขอบคุณภาพจาก GUNGUN / facebook )เพลงที่ 7 เป็นเพลงของหนุ่ม Keshi นั่นคือ Summer นั่นเอง  เพลงนี้จะโยกหัวตามก็ยังได้เพราะจังหวะมันได้    เพลงอื่นไปของ Keshi ก็เพราะทั้งนั้น  ใครสนใจก็ไปหาฟังเพิ่มเติมกันโลด( ขอบคุณภาพจาก Keshi / facebook ) เพลงที่ 8 ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ของ ลุลา ft.ซิน  เพลงนี้เป็นเพลงให้กำลังใจและร้องตามได้ง่ายมากๆเลย เหมาะกับช่วงโควิดสุดๆและคนโสดคงต้องฟังวนไป ให้กำลังใจตัวเองกันต่อไปในวันที่ยังไม่มีคู่ ความรักมีอยู่ทุกๆที่   เพียงแค่เราเปิดตาเปิดใจก็สามารถพบเจอความรักที่อยู่รอบๆตัวเราได้ง่ายๆ เพลงที่ 9 เพลง I know ของ BTS(Jungkook RM) เพราะมากๆ  ละมุนละไม ไม่ฟังไม่ได้แล้ว เพลงนี้RMแรปเปอร์ประจำวงได้โชว์เสียงร้องที่หลายๆคนคงคาดไม่ถึง บวกกับเสียงJungkookมักเน่ของวงที่เสียงดีเหมือนหน้าตา ทำให้เพลงนี้น่าฟังยิ่งขึ้นไปอีก เอาเป็นว่าใครที่ไม่เคยฟัง พอได้ลองฟังคงติดใจกันแน่   ( ขอบคุณภาพจาก 방탄소년단 / facebook)มาถึงเพลงสุดท้ายของเพลย์ลิสต์ คือเพลง I'm your ของ Jason Mraz เพลงนี้ชิลล์ๆ ทำงานไปร้องคลอไปด้วยก็ได้   หรือจะหยิบกีตาร์มาเล่นก็ไม่ว่ากันเพราะเพลงนี้ชิลล์สุดๆไปเลย  จะฟังตอนเช้า สาย บ่าย เย็นหรือก่อนนอนก็ได้ นอกจากจะได้ผ่อนคลายยังได้ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัว ช่วงโควิดแบบนี้หลายๆคนก็คงอยากอัพสกิลภาษาอังกฤษให้ปังมากขึ้น( ขอบคุณภาพจาก Andrea Piacquadio / pexels.com )          เพลย์ลิสต์ของเราสำหรับ Work From Home ได้จบลงแล้ว หวังว่าทุกๆคนคงเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงที่ช่วยคลายเหงาและผ่อนคลายความกังวลไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องไหนๆขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี  สุดท้ายนี้ OnMyWay ก็ขอให้ผู้อ่านๆทุกๆท่านปลอดภัยจากโควิด19และดูแลตัวเองดีๆน้า :) จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

เผยโฉมต้นแบบเต็มลำ เครื่องบินโดยสารพลังไฮบริดจาก Heart Aerospace
อ่าน

เผยโฉมต้นแบบเต็มลำ เครื่องบินโดยสารพลังไฮบริดจาก Heart Aerospace

บริษัทผู้พัฒนาอากาศยานสัญชาติสวีเดน ฮาร์ต แอโรสเปซ (Heart Aerospace) เผยความคืบหน้าการพัฒนาเครื่องบินโดยสารขับเคลื่อนพลังงานแบบไฮบริด อีเอส-สามศูนย์ (ES-30) โดยบริษัทได้เปิดตัวต้นแบบเครื่องบินรุ่นสาธิตขนาดเต็ม คาดว่าจะใช้ทดสอบบินได้ในปีหน้าสำหรับเครื่องบินโดยสารขับเคลื่อนพลังงานแบบไฮบริดรุ่นนี้ ตั้งเป้าพัฒนาให้เครื่องบินโดยสารระยะสั้น ขนาดปีกกว้าง 32 เมตร ภายในสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 30 คนจุดเด่นของเครื่องบินรุ่นนี้ อยู่ที่ระบบขับเคลื่อนแบบ ไฮบริด หรือการติดตั้งระบบที่สามารถบินได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และพลังงานจากเครื่องยนต์สันดาปโดยตัวเครื่องจะใช้ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เพื่อการบินในระยะทางใกล้ ๆ และจะใช้ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฮบริด ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าร่วมด้วย เพื่อเพิ่มระยะทางในการบินให้ไกลขึ้นซึ่งด้วยระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริดนี้ ทางบริษัทเคลมว่าเครื่องบินจะให้พิสัยการบินด้วยพลังงานไฟฟ้าไกลถึง 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้า 30 นาที หรือบินแบบระบบไฮบริดได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร และตัวเครื่องบินยังใช้รันเวย์ระยะสั้น 1,100 เมตร ซึ่งด้วยคุณสมบัตินี้ ก็จะทำให้เครื่องบินสามารถใช้งานรันเวย์ของสนามบินในเขตท้องถิ่นได้มากขึ้นนอกจากนี้ เครื่องบินที่พัฒนาขึ้น ยังมีข้อดี คือเรื่องของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่น้อยกว่าเครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปแบบเดิม ๆ และยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน รวมถึงต้นทุนในการบำรุงรักษาโดยปัจจุบันบริษัทยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา และจะเริ่มใช้ในการทดสอบการปฏิบัติงานภาคพื้นดิน หลังจากการทดสอบฮาร์ดแวร์ที่จะดำเนินการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยตั้งเป้าที่จะทดสอบการบินด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบครั้งแรกในไตรมาสที่สองของปี 2025 และหากเป็นไปตามแผน คาดว่าจะสามารถเริ่มบินเชิงพาณิชย์ได้ ภายในปี 2028ข้อมูลจากnewatlas